กรมส่งเสริมการส่งออกจับมือเจโทรสร้างโอกาสขยายธุรกิจบันเทิงของไทยในตลาดญี่ปุ่นให้มากขึ้น มั่นใจจะช่วยให้ไทยเป็นศูนย์กลางของธุรกิจบริการระดับโลกทั้งอาหาร บันเทิงได้ในอนาคต ขณะที่ประธานเจโทร กรุงเทพฯ ระบุ โอกาสธุรกิจบันเทิงของไทยจะเติบโตในญี่ปุ่นยังมีอีกมาก
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมธุรกิจบริการ กรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการส่งออกร่วมมือกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) สนับสนุนธุรกิจด้านบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ เพลง วิดีโอเกม ให้สามารถขยายไปยังตลาดญี่ปุ่นได้มากขึ้น รวมทั้งเร่งส่งเสริมให้ทั้ง 2 ประเทศร่วมมือกันพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับบันเทิงในรูปแบบต่างๆ อีกด้วย
ซึ่งกระทรวงพาณิชย์กำหนดแนวทางที่จะเร่งผลักดันขยายธุรกิจด้านบริการ ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหารและบันเทิงในตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางของธุรกิจบริการระดับโลก โดยพร้อมที่จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการธุรกิจบริการไทยสามารถขยายการดำเนินธุรกิจไปยังต่างประเทศ รวมทั้งพัฒนาศักยภาพและมาตรฐานผู้ให้บริการและการบริการสู่สากล
“หากดูธุรกิจด้านบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นภาพเคลื่อนไหว ภาพนิ่ง เสียง ข้อความ และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในประเทศไทยมีปริมาณเพิ่มขึ้น ขณะที่ญี่ปุ่นนำเข้าสินค้าเหล่านี้จากประเทศในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ เกาหลีใต้ จีน และไทย มีมูลค่ากว่า 17,000 ล้านเยน และมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคต” น.ส.บรรจงจิตต์
นายโยอิชิ คาโต ประธานเจโทร กรุงเทพฯ กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่ทำให้ทั้ง 2 ประเทศสามารถผลักดันยอดการค้าระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน โดยอุตสาหกรรมธุรกิจบริการเป็นอุตสาหกรรมสำคัญอีกด้านหนึ่ง เชื่อว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะสร้างให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของธุรกิจบริการระดับโลกได้ในอนาคต เพราะหากดูตัวเลขที่ชาวญี่ปุ่นนิยมภาพยนตร์ไทยโดยเฉพาะภาพยนตร์แอคชั่นในปี 2548 จากภาพยนตร์เรื่อง “องค์บาก” ทำรายได้ในตลาดญี่ปุ่นสูงถึง 800 ล้านเยน และภาพยนตร์เรื่อง “สตรีเหล็ก ภาค 2” ทำรายได้กว่า 100 ล้านเยน ขณะที่ภาพยนตร์ไทยอีกหลายเรื่องเป็นที่ชื่นชอบของชาวญี่ปุ่น ดังนั้น โอกาสธุรกิจบันเทิงไทยจะเติบโตในตลาดญี่ปุ่นยังมีอีกมาก
น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมธุรกิจบริการ กรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการส่งออกร่วมมือกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) สนับสนุนธุรกิจด้านบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ รายการโทรทัศน์ เพลง วิดีโอเกม ให้สามารถขยายไปยังตลาดญี่ปุ่นได้มากขึ้น รวมทั้งเร่งส่งเสริมให้ทั้ง 2 ประเทศร่วมมือกันพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับบันเทิงในรูปแบบต่างๆ อีกด้วย
ซึ่งกระทรวงพาณิชย์กำหนดแนวทางที่จะเร่งผลักดันขยายธุรกิจด้านบริการ ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหารและบันเทิงในตลาดต่างประเทศให้มากขึ้น เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางของธุรกิจบริการระดับโลก โดยพร้อมที่จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการธุรกิจบริการไทยสามารถขยายการดำเนินธุรกิจไปยังต่างประเทศ รวมทั้งพัฒนาศักยภาพและมาตรฐานผู้ให้บริการและการบริการสู่สากล
“หากดูธุรกิจด้านบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นภาพเคลื่อนไหว ภาพนิ่ง เสียง ข้อความ และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในประเทศไทยมีปริมาณเพิ่มขึ้น ขณะที่ญี่ปุ่นนำเข้าสินค้าเหล่านี้จากประเทศในภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ เกาหลีใต้ จีน และไทย มีมูลค่ากว่า 17,000 ล้านเยน และมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นอีกมากในอนาคต” น.ส.บรรจงจิตต์
นายโยอิชิ คาโต ประธานเจโทร กรุงเทพฯ กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่ทำให้ทั้ง 2 ประเทศสามารถผลักดันยอดการค้าระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านความร่วมมือทางการค้าและการลงทุน โดยอุตสาหกรรมธุรกิจบริการเป็นอุตสาหกรรมสำคัญอีกด้านหนึ่ง เชื่อว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะสร้างให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของธุรกิจบริการระดับโลกได้ในอนาคต เพราะหากดูตัวเลขที่ชาวญี่ปุ่นนิยมภาพยนตร์ไทยโดยเฉพาะภาพยนตร์แอคชั่นในปี 2548 จากภาพยนตร์เรื่อง “องค์บาก” ทำรายได้ในตลาดญี่ปุ่นสูงถึง 800 ล้านเยน และภาพยนตร์เรื่อง “สตรีเหล็ก ภาค 2” ทำรายได้กว่า 100 ล้านเยน ขณะที่ภาพยนตร์ไทยอีกหลายเรื่องเป็นที่ชื่นชอบของชาวญี่ปุ่น ดังนั้น โอกาสธุรกิจบันเทิงไทยจะเติบโตในตลาดญี่ปุ่นยังมีอีกมาก