แบล็คแคนยอน เซ็ง หลากปัญหา กระทบยอดขายสาขาสุวรณภูมิตกลงกว่า 20% ส่วนปัญหาระหว่างท่าอากาศยานฯกับคิงเพาเวอร์ยังไม่สรุปชี้ชัดทำสัญญากับใครก็ได้ เร่งทำกิจกรรมกู้ยอดขายช่วงหน้าฝน คาดปีนี้สมาชิกใหม่เพิ่มอีก 2 หมื่นราย
นายประวิทย์ จิตนราพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แบล็คแคนยอน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นของสนามบินสุวรรณภูมิในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น ปัญหารันเวย์ร้าว การทุจริตต่างๆ รวมทั้ง ปัญหาการเมือง ปัญหาความไม่ปลอดภัยทางภาคใต้ที่เกิดขึ้น ความวุ่นวายจากเหตุการณ์ระเบิด ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นปี ส่งผลต่อกลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยน้อยลง ปัญหาตรงนี้เป็นผลกระทบทำให้ 5 เดือนแรก ยอดขายของบริษัทฯที่สาขาสุวรรณภูมิ 3 แห่งตกลงไปกว่า 20%
อีกทั้งค่าเงินบาทที่ยังเพิ่มสูงขึ้น บวกกับราคาน้ำมันที่ยังแพง ทำให้กลุ่มลูกค้าต้องมีการระมัดระวังการใช้จ่ายอีกด้วย ทำให้การทำตลาดนับจากนี้คาดว่าจะต้องเข้มข้นและอรอบคอบมากขึ้น
ส่วนกรณีปัญหายกเลิกสัญญาเช่าพื้นที่ระหว่าง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กับ บริษัทคิงเพาเวอร์ ที่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะออกมาในรูปแบบใด ตรงนี้บริษัทฯมองว่าต้องใช้ระยะเวลาให้ทั้ง 2 ฝ่ายคิดและหาทางออก ซึ่งบริษัทฯเชื่อว่าไม่เป็นที่วิตกมากนัก เนื่องจากเป็นคนกลางจะเซ็นขึ้นสัญญากับฝ่ายไหนก็ได้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าขณะนี้บริษัทฯได้มีสัญญาเช่าพื้นที่ประมาณ 442 ตร.ม.กับคิงเพาเวอร์อยู่ หลังจากได้เปิดให้บริการในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา
"ปัญหาใหญ่คงเป็นเรื่องการเช่าพื้นที่เป็นโมฆะระหว่างท่าอากาศยานฯ กับบริษัท คิงพาวเวอร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการไต่สวนมูลฟ้องในเดือนก.ย. นี้ และคาดว่าศาลจะต้องใช้เวลาพิจารณาไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี แต่ปัจจุบันกลับไม่มีการเชิญผู้ค้ารายย่อยที่เช่าพื้นที่กับบริษัท คิง เพาเวอร์ไปเข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟังปัญหา ขณะนี้เราเองยังไม่รู้สถานภาพต้องรอจนกว่าศาลจะพิจารณาคดี ซึ่งบริษัทฯได้ใช้เงินลงทุนทั้ง 3 แห่ง เกือบ 100 ล้านบาท จากเดิมที่บริษัทฯมีสัญญาเช่า 5 ปี และสามารถต่อสัญญาได้อีก 5 ปี"
นางกรรณิการ์ ชินประสิทธิ์ชัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แบล็คแคนยอน(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ทุกๆปีในช่วงฤดูฝนยอดขายของร้านแบล็คแคนยอน และร้านคาเฟ เนโร บาย แบล็คแคนยอน ยอดขายมักจะตกลงประมาณ 10-15% ซึ่งปัจจัยมาจากการกลุ่มลูกค้าบางส่วนลดการออกจากบ้านอีกทั้งเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า อาหารการกินช่วงหน้าฝนมักจะมียอดหล่นหายไปบ้าง แต่เมื่อผ่านช่วงดังกล่าวไปยอดมักจะกลับมาดีเช่นเคย
ดังนั้นเพื่อเป็นการกระตุ้นกลุ่มลูกค้าและการเร่งยอดขาย ถึงเดือนก.ย.นี้ ใช้งบประมาณบางส่วนจาก 2% ของยอดขาย ทำกิจกรรม คอฟฟี่ โบนัส พ้อยต์ ซึ่งเมื่อลูกค้าสั่งกาแฟจะได้รับแต้มสะสม เมื่อสะสมครบ 5 แต้มจะได้กาแฟฟรี 1 แก้ว จากเดิมในปีที่ผ่านมาลูกค้าจะต้องซื้อให้ครบ 10 แก้ว จึงจะแลกกาแฟได้ฟรี 3 แก้ว ต่อนี้ไปบริษัทจะจัดโปรโมชั่น 4 ครั้ง ซึ่งในเดือนต.ค. ถึงปลายปี บริษัทจะจัดกิจกรรมรับเทศกาลกินเจต่อเพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันบริษัทมีสาขาทั้งแบล็คแคนยอน,คาเฟ เนโร และในปั๊มน้ำมันเจ็ท ในประเทศมีอยู่ 160 แห่งโดยลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในร้านเข้ามาใช้จ่ายเฉลี่ย 130 บาท ต่อครั้ง เป็นค่าเฉลี่ยที่ไม่ได้ลดลงจากปีก่อน โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโตประมาณ 10-15% ซึ่งมาจากการขยายสาขาใหม่ที่เปิดไป 8 แห่งช่วงต้นปีและสาขาเดิม และมีฐานสมาชิกแล้ว 6 หมื่นราย และคาดว่าปีนี้จะมีฐานสมาชิกเพิ่มอีก 2 หมื่นราย หลังจากเปิดตัวบัตรสมาชิกใหม่ในเดือนก.ค .นี้ ในปีที่ผ่านมามียอดขายในประเทศ 600 ล้านบาท
ขณะเดียวกันด้านตลาดในต่างประเทศในรูปแบบแฟรนไชส์บริษัทตั้งเป้าว่าภายใน 10 ปีนับจากนี้ แบล็คแคนยอนจะเป็นโกลบอลแบรนด์ในหลายประเทศทั่วโลกให้ได้ จากปัจจุบันมีสาขา 25 แห่ง เฉพาะในอินโดนีเซีย มี 12 สาขา ปีที่ผ่านมาสาขาต่างประเทศมียอดขาย 100 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 5%
นายประวิทย์ จิตนราพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แบล็คแคนยอน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นของสนามบินสุวรรณภูมิในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น ปัญหารันเวย์ร้าว การทุจริตต่างๆ รวมทั้ง ปัญหาการเมือง ปัญหาความไม่ปลอดภัยทางภาคใต้ที่เกิดขึ้น ความวุ่นวายจากเหตุการณ์ระเบิด ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นปี ส่งผลต่อกลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยน้อยลง ปัญหาตรงนี้เป็นผลกระทบทำให้ 5 เดือนแรก ยอดขายของบริษัทฯที่สาขาสุวรรณภูมิ 3 แห่งตกลงไปกว่า 20%
อีกทั้งค่าเงินบาทที่ยังเพิ่มสูงขึ้น บวกกับราคาน้ำมันที่ยังแพง ทำให้กลุ่มลูกค้าต้องมีการระมัดระวังการใช้จ่ายอีกด้วย ทำให้การทำตลาดนับจากนี้คาดว่าจะต้องเข้มข้นและอรอบคอบมากขึ้น
ส่วนกรณีปัญหายกเลิกสัญญาเช่าพื้นที่ระหว่าง บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) กับ บริษัทคิงเพาเวอร์ ที่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะออกมาในรูปแบบใด ตรงนี้บริษัทฯมองว่าต้องใช้ระยะเวลาให้ทั้ง 2 ฝ่ายคิดและหาทางออก ซึ่งบริษัทฯเชื่อว่าไม่เป็นที่วิตกมากนัก เนื่องจากเป็นคนกลางจะเซ็นขึ้นสัญญากับฝ่ายไหนก็ได้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ถึงแม้ว่าขณะนี้บริษัทฯได้มีสัญญาเช่าพื้นที่ประมาณ 442 ตร.ม.กับคิงเพาเวอร์อยู่ หลังจากได้เปิดให้บริการในเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา
"ปัญหาใหญ่คงเป็นเรื่องการเช่าพื้นที่เป็นโมฆะระหว่างท่าอากาศยานฯ กับบริษัท คิงพาวเวอร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่ระหว่างการไต่สวนมูลฟ้องในเดือนก.ย. นี้ และคาดว่าศาลจะต้องใช้เวลาพิจารณาไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี แต่ปัจจุบันกลับไม่มีการเชิญผู้ค้ารายย่อยที่เช่าพื้นที่กับบริษัท คิง เพาเวอร์ไปเข้าร่วมประชุมเพื่อรับฟังปัญหา ขณะนี้เราเองยังไม่รู้สถานภาพต้องรอจนกว่าศาลจะพิจารณาคดี ซึ่งบริษัทฯได้ใช้เงินลงทุนทั้ง 3 แห่ง เกือบ 100 ล้านบาท จากเดิมที่บริษัทฯมีสัญญาเช่า 5 ปี และสามารถต่อสัญญาได้อีก 5 ปี"
นางกรรณิการ์ ชินประสิทธิ์ชัย ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แบล็คแคนยอน(ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ทุกๆปีในช่วงฤดูฝนยอดขายของร้านแบล็คแคนยอน และร้านคาเฟ เนโร บาย แบล็คแคนยอน ยอดขายมักจะตกลงประมาณ 10-15% ซึ่งปัจจัยมาจากการกลุ่มลูกค้าบางส่วนลดการออกจากบ้านอีกทั้งเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า อาหารการกินช่วงหน้าฝนมักจะมียอดหล่นหายไปบ้าง แต่เมื่อผ่านช่วงดังกล่าวไปยอดมักจะกลับมาดีเช่นเคย
ดังนั้นเพื่อเป็นการกระตุ้นกลุ่มลูกค้าและการเร่งยอดขาย ถึงเดือนก.ย.นี้ ใช้งบประมาณบางส่วนจาก 2% ของยอดขาย ทำกิจกรรม คอฟฟี่ โบนัส พ้อยต์ ซึ่งเมื่อลูกค้าสั่งกาแฟจะได้รับแต้มสะสม เมื่อสะสมครบ 5 แต้มจะได้กาแฟฟรี 1 แก้ว จากเดิมในปีที่ผ่านมาลูกค้าจะต้องซื้อให้ครบ 10 แก้ว จึงจะแลกกาแฟได้ฟรี 3 แก้ว ต่อนี้ไปบริษัทจะจัดโปรโมชั่น 4 ครั้ง ซึ่งในเดือนต.ค. ถึงปลายปี บริษัทจะจัดกิจกรรมรับเทศกาลกินเจต่อเพื่อเป็นการกระตุ้นตลาดอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันบริษัทมีสาขาทั้งแบล็คแคนยอน,คาเฟ เนโร และในปั๊มน้ำมันเจ็ท ในประเทศมีอยู่ 160 แห่งโดยลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในร้านเข้ามาใช้จ่ายเฉลี่ย 130 บาท ต่อครั้ง เป็นค่าเฉลี่ยที่ไม่ได้ลดลงจากปีก่อน โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าเติบโตประมาณ 10-15% ซึ่งมาจากการขยายสาขาใหม่ที่เปิดไป 8 แห่งช่วงต้นปีและสาขาเดิม และมีฐานสมาชิกแล้ว 6 หมื่นราย และคาดว่าปีนี้จะมีฐานสมาชิกเพิ่มอีก 2 หมื่นราย หลังจากเปิดตัวบัตรสมาชิกใหม่ในเดือนก.ค .นี้ ในปีที่ผ่านมามียอดขายในประเทศ 600 ล้านบาท
ขณะเดียวกันด้านตลาดในต่างประเทศในรูปแบบแฟรนไชส์บริษัทตั้งเป้าว่าภายใน 10 ปีนับจากนี้ แบล็คแคนยอนจะเป็นโกลบอลแบรนด์ในหลายประเทศทั่วโลกให้ได้ จากปัจจุบันมีสาขา 25 แห่ง เฉพาะในอินโดนีเซีย มี 12 สาขา ปีที่ผ่านมาสาขาต่างประเทศมียอดขาย 100 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 5%