xs
xsm
sm
md
lg

ตลาดผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย : มีโอกาสขยายตัวดี...ทั้งในและตปท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปัจจุบันความต้องการผลิตภัณฑ์บำรุงทั้งสำหรับผิวกาย และผิวหน้าในเมืองไทยมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องตามความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายด้วย เพราะในแต่ละวันร่างกายของผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยต่างต้องเผชิญกับมลภาวะที่เป็นพิษทางอากาศ รวมถึงสภาพอากาศร้อนชื้น ที่อาจจะมีผลให้เกิดกลิ่นตัวได้ง่าย ประกอบกับผู้บริโภคคนไทยหันมาใส่ใจต่อบุคลิกภาพกันมากขึ้น จึงมีความเป็นไปได้ว่าผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยจะหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายกันเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ หรือแม้แต่ในตลาดโลกเองโดยเฉพาะประเทศในแถบเอเชียต่างก็มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับสภาพอากาศที่ไม่แตกต่างจากไทยมากนักก็น่าจะหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน

โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าในปี 2550 ตลาดผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายน่าจะมีมูลค่าตลาดประมาณ 2,600-2,700 ล้านบาทหรือคิดเป็นอัตราการเติบโตจากปี 2549 ประมาณร้อยละ 10-15 นอกจากนี้ตลาดส่งออกก็มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีเช่นกัน โดยมีความเป็นไปได้ว่าในปี 2550 ไทยจะสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายเป็นมูลค่าประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40

สำหรับสถานการณ์ตลาดในประเทศของผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย และแนวโน้มปี 2550 นั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่ามีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
-มูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายภายในประเทศในปี 2550 น่าจะมีมูลค่าประมาณ 2,600-2,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10-15 ทั้งนี้แม้ว่าปัจจุบันตลาดผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายจะมีมูลค่าตลาดไม่มากนักเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ถนอมผิว ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม และผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก แต่ก็พบว่า อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาเติบโตเฉลี่ยเป็นเลข 2 หลักมาโดยตลอด

โดยในปี 2549 ตลาดผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายมีมูลค่าประมาณ 2,400 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นร้อยละ 14) แต่ด้วยภาวะตลาดที่ยังไม่อิ่มตัว โดยเฉพาะในตลาดต่างจังหวัด หรือมีการใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายเพียงประมาณร้อยละ 40-50 ของกลุ่มผู้บริโภคผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางทั่วประเทศเท่านั้น ทำให้สินค้ากลุ่มนี้น่าจะยังมีโอกาสในการขยายตัวได้อีกมาก

-กลุ่มเป้าหมายหลักน่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นทั้งชายและหญิง ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และให้ความสำคัญในการดูแลตนเองมากกว่ากลุ่มอื่นโดยเปรียบเทียบ จึงน่าจะเป็นกลุ่มที่ต้องการผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยสร้างความมั่นใจในการเข้าสังคมค่อนข้างมาก

-อุณหภูมิการแข่งขันของตลาดผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายในประเทศของปี 2550 จะมีองศาเดือดสูงพอสมควร เนื่องด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังผันผวนเช่นปัจจุบัน ทำให้ผู้บริโภคคนไทยจำนวนไม่น้อยมีแนวโน้มระมัดระวังการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นพอสมควร

ดังนั้นผู้ประกอบการแต่ละรายจึงต้องต้องงัดกลยุทธ์การตลาดต่างๆนานามาดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค เพื่อรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ให้ได้มากที่สุด พร้อมกับพยายามสร้างโอกาสในการเจาะกลุ่มตลาดใหม่เพื่อขยายตลาดควบคู่กันไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากบรรดาผู้ประกอบการที่ไม่ใช่ผู้ครองส่วนแบ่งตลาดอันดับหนึ่งที่คาดว่าน่าจะมีการกำหนดตำแหน่งทางการตลาดที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และพยายามหาช่องว่างสำหรับการสร้างความแตกต่างจากผู้นำมากขึ้น

ทั้งนี้เพื่อสร้างโอกาสในการขยายฐานได้เพิ่มขึ้นด้วยสินค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะการนำเสนอสินค้านวัตกรรมใหม่ๆ หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เช่นการนำเสนอสูตรเพิ่มความขาวให้แก่วงแขน การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ให้ความรู้สึกถึงความแห้งสบาย และไม่เหนียวเหนอะหนะ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติหลากหลายและโดดเด่นมากขึ้นในด้านประสิทธิภาพในการปกป้องกลิ่นกาย การกระชับรูขุมขน หรือการชะลอการเกิดขนใต้วงแขน เป็นต้น รวมถึงความหลากหลายของกลิ่น และมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการนำส่วนผสมจากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติมาเป็นจุดแข็งในการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น เช่นสารส้มที่มีคุณสมบัติในการระงับกลิ่นกาย สารสกัดว่านหางจระเข้ที่ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิวใต้วงแขน

-ขณะเดียวกันกลยุทธ์ที่น่าจะนำมาดำเนินการควบคู่กับกลยุทธ์หลักอย่างการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อเสริมศักยภาพในการแข่งขัน ก็น่าจะเป็นการปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ใหม่ให้มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของสีสันและรูปแบบโดยคำนึงถึงวิถีการดำเนินชีวิตของกลุ่มเป้าหมายเป็นหลัก การโฆษณาผ่านสื่อใหม่ๆ อย่างสื่ออินเทอร์เน็ต หรือสื่อนอกบ้านอย่างสื่อกลางแจ้ง และสื่อเคลื่อนที่ เพราะปัจจุบันผู้บริโภคคนไทยจำนวนไม่น้อยโดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯต่างใช้เวลาอยู่นอกบ้านกันมากขึ้น

นอกจากนี้การแจกสินค้าตัวอย่าง และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่องก็ยังคงเป็นกลยุทธ์ที่ไม่ควรมองข้าม ทั้งนี้เพื่อให้สินค้าเป็นที่รู้จักในวงกว้างและใกล้ชิดกับผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น

-ตลาดผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายสำหรับผู้ชายน่าจะเป็นตลาดที่มีความคึกคักมากขึ้นตามลำดับ เพราะเป็นตลาดที่มีศักยภาพและแนวโน้มการเติบโตที่ดีตามกระแสความใส่ใจในการดูแลบุคลิกภาพของสุภาพบุรุษที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ

โดยในปี 2549 ที่ผ่านมา ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายของผู้ชายมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 40 ของมูลค่าตลาดรวม หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 960 ล้านบาท(เติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ 14) ขณะที่อีกร้อยละ 60 เป็นผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายสำหรับผู้หญิง หรือคิดเป็นมูลค่า 1,440 ล้านบาท(เพิ่มขึ้นร้อยละ 7) โดยมีความเป็นไปได้ว่าสินค้าที่พัฒนาขึ้นมาในปี 2550 นั้นจะมีการแบ่งแยกผลิตภัณฑ์สำหรับสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่ชัดเจนมากขึ้น เพราะโดยปกติแล้วผู้ชายมักจะมีเหงื่อมากกว่าผู้หญิง จึงทำให้ผู้ชายมีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่สามารถปกป้องและระงับกลิ่นกายได้มากกว่าผู้หญิง
กำลังโหลดความคิดเห็น