วาโก้ โอดครวญ 5 เดือนแรกยอดขายต่ำเป้าหมาย ต้องทำงานหนักครึ่งปีหลัง พร้อมทุ่มงบตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 110 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อคืน ปีนี้คาดรายได้รวม 4.2 พันล้านบาท
นายอำนวย บำรุงวงศ์ทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากภาวะการเมืองและเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ยอดขายช่วง 5 เดือนแรกต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ ทำให้ช่วงเวลาที่เหลือจากนี้บริษัทต้องทำงานหนักกว่าทุกปีที่ผ่านมา เพื่อรักษาอัตราการเติบโตของรายได้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้แนวทางทำตลาดบริษัทเตรียมงบ 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ใช้งบไปเพียง 60-70 ล้านบาทเท่านั้น เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคกลับมาใช้จ่ายอีกครั้ง
ล่าสุด ได้ออกคอลเลกชันใหม่เข้ามากระตุ้นตลาดภายใต้ชื่อ “เซอร์ไพร้ซ บรา” ชุดชั้นในที่ออกแบบมาจากการศึกษาวิจัยความต้องการของผู้หญิงไทย พบว่า กว่า 80% ผู้หญิงปัจจุบันนิยมใส่ชุดชั้นในที่ไม่มีโครง แต่สามารถกระชับได้เหมือนกับการใส่ชุดชั้นในมีโครง ซึ่งบริษัทได้ออกแบบมาทั้งหมด 9 สี ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 480 บาท
ทั้งนี้ ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย “เซอร์ไพร้ซ บรา” จะมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับชุดชั้นในวาโก้ นอกจากนี้ชุดชั้นในคลอเลกชันดังกล่าวได้มีการทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อไปแล้วในช่วงเดือนที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับอย่างดี
นายอำนวย ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา สินค้าชุดชั้นภายใต้แบรนด์วาโก้ วางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้า และโมเดิร์นเทรดทั่วไป แต่สำหรับดิสเคาต์สโตร์บริษัทก็ได้มีการนำเอาสินค้าบางตัวไปวางจำหน่ายเพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า เพราะสินค้าชุดชั้นในภายใต้แบรนด์วาโก้บริษัทได้แบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ กลุ่มตั้งแต่ C+ ขึ้นไป ซึ่งราคาสินค้าก็จะมีตั้งแต่ราคา 400 บาทขึ้นไป ขณะเดียวกัน สินค้าในกลุ่มลูกค้า C- ลงมา สินค้าก็จะมีการจำหน่ายในราคาตั้งแต่ 400 บาทลงมา เพื่อครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัจจุบันจะมีคู่แข่งเข้ามาขยายตลาดในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสินค้าในประเทศจีน บริษัทไม่ได้รับผลกระทบอะไร เนื่องจากสินค้าที่มาจากประเทศจีนเป็นสินค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกัน โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่นิยมซื้อสินค้าราคาถูก ซึ่งบริษัทเองก็ไม่มีแผนที่จะเล่นกลยุทธ์ในเรื่องของราคา เพราะจะทำให้แบรนด์วาโก้เสียภาพลักษณ์
สำหรับปีนี้บริษัท ไทยวาโก้ ตั้งเป้ารายได้ไว้ 4.2 พันล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ15% แต่ทั้งนี้ ก็ต้องดูสถานการณ์การเมืองว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งถ้าบริษัทสามารถทำยอดขายให้เติบโตได้ถึง 10% ในเวลาที่เหลืออยู่ก็นับว่าประสบความสำเร็จแล้วในปีนี้
ปัจจุบันมูลค่าตลาดชุดชั้นในมีอยู่ 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นชุดชั้นในจับกลุ่มลูกค้าระดับ C+ 50% หรือประมาณ 6,000 บาท โดยชุดชั้นในวาโก้มีมาร์เก็ตแชร์ประมาณ 60% ทั้งนี้ ในส่วนของชุดชั้นในจับกลุ่มลูกค้าระดับ C- ลงมา 50% หรือประมาณ 6,000 ล้านบาท โดยtop lineมีมาร์เก็ตแชร์ 30% ใกล้เคียงกับไทรอัมพ์ และสปีนา
นายอำนวย บำรุงวงศ์ทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยวาโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากภาวะการเมืองและเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ยอดขายช่วง 5 เดือนแรกต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ ทำให้ช่วงเวลาที่เหลือจากนี้บริษัทต้องทำงานหนักกว่าทุกปีที่ผ่านมา เพื่อรักษาอัตราการเติบโตของรายได้เป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้แนวทางทำตลาดบริษัทเตรียมงบ 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ใช้งบไปเพียง 60-70 ล้านบาทเท่านั้น เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคกลับมาใช้จ่ายอีกครั้ง
ล่าสุด ได้ออกคอลเลกชันใหม่เข้ามากระตุ้นตลาดภายใต้ชื่อ “เซอร์ไพร้ซ บรา” ชุดชั้นในที่ออกแบบมาจากการศึกษาวิจัยความต้องการของผู้หญิงไทย พบว่า กว่า 80% ผู้หญิงปัจจุบันนิยมใส่ชุดชั้นในที่ไม่มีโครง แต่สามารถกระชับได้เหมือนกับการใส่ชุดชั้นในมีโครง ซึ่งบริษัทได้ออกแบบมาทั้งหมด 9 สี ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 480 บาท
ทั้งนี้ ลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย “เซอร์ไพร้ซ บรา” จะมีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับชุดชั้นในวาโก้ นอกจากนี้ชุดชั้นในคลอเลกชันดังกล่าวได้มีการทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อไปแล้วในช่วงเดือนที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับอย่างดี
นายอำนวย ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา สินค้าชุดชั้นภายใต้แบรนด์วาโก้ วางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้า และโมเดิร์นเทรดทั่วไป แต่สำหรับดิสเคาต์สโตร์บริษัทก็ได้มีการนำเอาสินค้าบางตัวไปวางจำหน่ายเพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้า เพราะสินค้าชุดชั้นในภายใต้แบรนด์วาโก้บริษัทได้แบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ กลุ่มตั้งแต่ C+ ขึ้นไป ซึ่งราคาสินค้าก็จะมีตั้งแต่ราคา 400 บาทขึ้นไป ขณะเดียวกัน สินค้าในกลุ่มลูกค้า C- ลงมา สินค้าก็จะมีการจำหน่ายในราคาตั้งแต่ 400 บาทลงมา เพื่อครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปัจจุบันจะมีคู่แข่งเข้ามาขยายตลาดในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสินค้าในประเทศจีน บริษัทไม่ได้รับผลกระทบอะไร เนื่องจากสินค้าที่มาจากประเทศจีนเป็นสินค้าที่มีกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกัน โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่นิยมซื้อสินค้าราคาถูก ซึ่งบริษัทเองก็ไม่มีแผนที่จะเล่นกลยุทธ์ในเรื่องของราคา เพราะจะทำให้แบรนด์วาโก้เสียภาพลักษณ์
สำหรับปีนี้บริษัท ไทยวาโก้ ตั้งเป้ารายได้ไว้ 4.2 พันล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ15% แต่ทั้งนี้ ก็ต้องดูสถานการณ์การเมืองว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งถ้าบริษัทสามารถทำยอดขายให้เติบโตได้ถึง 10% ในเวลาที่เหลืออยู่ก็นับว่าประสบความสำเร็จแล้วในปีนี้
ปัจจุบันมูลค่าตลาดชุดชั้นในมีอยู่ 12,000 ล้านบาท แบ่งเป็นชุดชั้นในจับกลุ่มลูกค้าระดับ C+ 50% หรือประมาณ 6,000 บาท โดยชุดชั้นในวาโก้มีมาร์เก็ตแชร์ประมาณ 60% ทั้งนี้ ในส่วนของชุดชั้นในจับกลุ่มลูกค้าระดับ C- ลงมา 50% หรือประมาณ 6,000 ล้านบาท โดยtop lineมีมาร์เก็ตแชร์ 30% ใกล้เคียงกับไทรอัมพ์ และสปีนา