ตลาดน้ำเมาอีโคโนมี-เหล้าสีฟื้น รับอานิสงส์เศรษฐกิจตกสะเก็ด-โลว์ซีซัน คอทองแดงแห่ซดเหล้าราคาถูกที่บ้านแทนสถานบันเทิง ด้าน"ยูไนเต็ด ไทย ดิสทิลเลอร์ส" ฉวยโอกาสบูมเหยี่ยวเงิน เหล้านวัตกรรมใหม่ไม่มีสี หั่นราคาขวดละ 109 บาท เขย่าบัลลังก์แสงโสม ทะลวงผับ บาร์ หัวใสผสมเป็นเหล้าคอกเทลเพื่อลดต้นทุน
แหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เปิดเผยว่า ภาพรวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เหล้าเซกเมนต์อีโคโนมีตัวเลขในเชิงปริมาณ 2.5 ล้านลัง มีอัตราการเติบโตที่ดีมาก ในขณะที่ตลาดเหล้าสีไทยมูลค่า 50,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้นเช่นกัน ฟื้นคืนภายหลังจากในช่วง2 ปีที่ผ่านมาตลาดหดตัวลง เพราะได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างภาษี ส่งผลให้เหล้าสีมีราคาสูงขึ้น ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้เหล้าสีและเหล้าเซกเมนต์อีโคโนมี่มีอัตราการเติบโตที่ดี เนื่องจากเป็นเหล้าราคาถูกจำหน่ายต่ำกว่า 200 บาท สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง รวมไปถึงกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง
ส่วนเหล้าเซกเมนต์พรีเมียม 5 แสนลังมีภาวะหดตัวลง ขณะที่เหล้าเซกเมนต์สแตนดาร์ดในเชิงปริมาณมีราว 2.7ล้านลัง มีอัตราการเติบโตลดลง เนื่องจากผู้บริโภคหันไปดื่มเหล้าราคาถูก โดยตั้งข้อสังเกตุว่าในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการเหล้าเซกเมนต์สแตนดาร์ด ไม่ว่าจะเป็น เบนมอร์ ของค่ายดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ หรือกระทั่งฮันเดรด ไพเพอร์ส ของค่ายเพอร์นอต ริคาร์ด เปิดตัวเหล้าขนาด 50 มิลลิลิตร โดยจำหน่ายราคา 249 บาท จากรุ่นปกติ 70 มิลลิลิตร ราคา 330 บาท วางจำหน่ายตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง
สำหรับในช่วงโลว์ซีซันหรือฤดูฝนนี้ คาดว่าเหล้าเซกเมนต์อีโคโนมีและเหล้าสีจะมีอัตราการเติบโตที่ดีเช่นกัน เนื่องจากพฤติกรรมของคอน้ำเมา ความถี่ในการเที่ยวสถานบันเทิง ผับ บาร์ จะลดลง แต่จะหันมาดื่มเหล้าที่บ้านมากขึ้น ดังกล่าวจึงไม่ต้องคำนึงในเรื่องของภาพลักษณ์มากนัก ส่วนการแข่งขันนั้นปกติในช่วงนี้ผู้ประกอบการจะไม่ทุ่มงบการตลาดเท่าใดนัก แต่จะเก็บงบการตลาดในช่วงไตรมาสสี่ ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันหรือฤดูกาลขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยจะมีการทำตลาดทุกรูปแบบ ดังนั้นในช่วงโลว์ซีซันจะมีการทำโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม เล็กน้อยเท่านั้น
"ปกติในช่วงโลว์ซีซันยอดขายเครื่องดื่มแอกลอฮอล์ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงปกติ แต่ปีนี้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับฤดูฝนที่มาเร็วกว่าปกติ ทำให้คาดว่ายอดขายช่วงโลว์ซีซันปีนี้ มีโอกาสลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา"
เหยี่ยวเงินเหล้านวัตกรรมใหม่เกิด
แหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้เหล้าภายใต้แบรนด์"เหยี่ยวเงิน" ของบริษัทยูไนเต็ด ไทย ดิสทิลเลอร์ส จำกัด แจ้งเกิดในตลาดอย่างเต็มตัว สำหรับเหยี่ยวเงินเป็นเหล้านวัตกรรมใหม่ไม่มีสี มีปริมาณแอลกอฮอล์ 40 ดีกรีเท่ากับแสงโสม โดยการทำตลาดของบริษัทดังกล่าวเอ็ดดูเคทกับกลุ่มเป้าหมายว่าเป็นเหล้าที่ดื่มกับโซดาได้ และใช้กลยุทธ์ราคาโดยวางไว้ 109 บาท ถูกกว่าแสงโสมสินค้าคู่แข่งวางราคา 195-200บาท ส่วนแม่โขงราคา 150บาท
อีกทั้งด้วยนวัตกรรมที่เป็นเหล้าไม่มีสี ทำให้ผู้ประกอบการสถานบันเทิงนำไปผสมเป็นเหล้าคอกเทล สอดรับอัตราการดื่มคอกเทลในประเทศไทย ที่มีอัตราการเติบโตง 22% ต่อปี และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นตามความนิยมในการบริโภคเครื่องดื่มประเภทนี้ สวนกระแสกับตลาดเหล้าวิสกี้ ซึ่งถือว่าเป็นตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ใหญ่ที่สุด แต่พบว่าในปีที่ผ่านมาสภาพตลาดวิสกี้นำเข้าตกลง 10%
"เหยี่ยวเงินทำตลาดมากกว่า 1 ปี แล้ว ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเฉพาะสถานบันเทิง ผับ บาร์ เล็กๆ เนื่องจากมีราคาถูกเมื่อเทียบกับไวท์สปิริต อีกทั้งยังสามารถเข้าไปช่วงชิงตลาดเหล้าสีจากคู่แข่งได้" แหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าว
แหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เปิดเผยว่า ภาพรวมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา เหล้าเซกเมนต์อีโคโนมีตัวเลขในเชิงปริมาณ 2.5 ล้านลัง มีอัตราการเติบโตที่ดีมาก ในขณะที่ตลาดเหล้าสีไทยมูลค่า 50,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตที่ดีขึ้นเช่นกัน ฟื้นคืนภายหลังจากในช่วง2 ปีที่ผ่านมาตลาดหดตัวลง เพราะได้รับผลกระทบจากการปรับโครงสร้างภาษี ส่งผลให้เหล้าสีมีราคาสูงขึ้น ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้เหล้าสีและเหล้าเซกเมนต์อีโคโนมี่มีอัตราการเติบโตที่ดี เนื่องจากเป็นเหล้าราคาถูกจำหน่ายต่ำกว่า 200 บาท สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง รวมไปถึงกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง
ส่วนเหล้าเซกเมนต์พรีเมียม 5 แสนลังมีภาวะหดตัวลง ขณะที่เหล้าเซกเมนต์สแตนดาร์ดในเชิงปริมาณมีราว 2.7ล้านลัง มีอัตราการเติบโตลดลง เนื่องจากผู้บริโภคหันไปดื่มเหล้าราคาถูก โดยตั้งข้อสังเกตุว่าในช่วงที่ผ่านมาผู้ประกอบการเหล้าเซกเมนต์สแตนดาร์ด ไม่ว่าจะเป็น เบนมอร์ ของค่ายดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ หรือกระทั่งฮันเดรด ไพเพอร์ส ของค่ายเพอร์นอต ริคาร์ด เปิดตัวเหล้าขนาด 50 มิลลิลิตร โดยจำหน่ายราคา 249 บาท จากรุ่นปกติ 70 มิลลิลิตร ราคา 330 บาท วางจำหน่ายตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับกำลังการซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง
สำหรับในช่วงโลว์ซีซันหรือฤดูฝนนี้ คาดว่าเหล้าเซกเมนต์อีโคโนมีและเหล้าสีจะมีอัตราการเติบโตที่ดีเช่นกัน เนื่องจากพฤติกรรมของคอน้ำเมา ความถี่ในการเที่ยวสถานบันเทิง ผับ บาร์ จะลดลง แต่จะหันมาดื่มเหล้าที่บ้านมากขึ้น ดังกล่าวจึงไม่ต้องคำนึงในเรื่องของภาพลักษณ์มากนัก ส่วนการแข่งขันนั้นปกติในช่วงนี้ผู้ประกอบการจะไม่ทุ่มงบการตลาดเท่าใดนัก แต่จะเก็บงบการตลาดในช่วงไตรมาสสี่ ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซันหรือฤดูกาลขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยจะมีการทำตลาดทุกรูปแบบ ดังนั้นในช่วงโลว์ซีซันจะมีการทำโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม เล็กน้อยเท่านั้น
"ปกติในช่วงโลว์ซีซันยอดขายเครื่องดื่มแอกลอฮอล์ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงปกติ แต่ปีนี้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ประกอบกับฤดูฝนที่มาเร็วกว่าปกติ ทำให้คาดว่ายอดขายช่วงโลว์ซีซันปีนี้ มีโอกาสลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา"
เหยี่ยวเงินเหล้านวัตกรรมใหม่เกิด
แหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ส่งผลให้เหล้าภายใต้แบรนด์"เหยี่ยวเงิน" ของบริษัทยูไนเต็ด ไทย ดิสทิลเลอร์ส จำกัด แจ้งเกิดในตลาดอย่างเต็มตัว สำหรับเหยี่ยวเงินเป็นเหล้านวัตกรรมใหม่ไม่มีสี มีปริมาณแอลกอฮอล์ 40 ดีกรีเท่ากับแสงโสม โดยการทำตลาดของบริษัทดังกล่าวเอ็ดดูเคทกับกลุ่มเป้าหมายว่าเป็นเหล้าที่ดื่มกับโซดาได้ และใช้กลยุทธ์ราคาโดยวางไว้ 109 บาท ถูกกว่าแสงโสมสินค้าคู่แข่งวางราคา 195-200บาท ส่วนแม่โขงราคา 150บาท
อีกทั้งด้วยนวัตกรรมที่เป็นเหล้าไม่มีสี ทำให้ผู้ประกอบการสถานบันเทิงนำไปผสมเป็นเหล้าคอกเทล สอดรับอัตราการดื่มคอกเทลในประเทศไทย ที่มีอัตราการเติบโตง 22% ต่อปี และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นตามความนิยมในการบริโภคเครื่องดื่มประเภทนี้ สวนกระแสกับตลาดเหล้าวิสกี้ ซึ่งถือว่าเป็นตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ใหญ่ที่สุด แต่พบว่าในปีที่ผ่านมาสภาพตลาดวิสกี้นำเข้าตกลง 10%
"เหยี่ยวเงินทำตลาดมากกว่า 1 ปี แล้ว ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยเฉพาะสถานบันเทิง ผับ บาร์ เล็กๆ เนื่องจากมีราคาถูกเมื่อเทียบกับไวท์สปิริต อีกทั้งยังสามารถเข้าไปช่วงชิงตลาดเหล้าสีจากคู่แข่งได้" แหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าว