xs
xsm
sm
md
lg

ส่งออกอาหารแช่แข็งกระเทือน พีเอฟพี-พรานทะเลงัดเกมรุกแก้มือ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตลาดอาหารแช่แข็งเผชิญผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น 2 ค่ายยักษ์แข่งดุ พีเอฟพีลดสัดส่วนรายได้ส่งออก หันบุกหนักตลาดในประเทศ ชูแบรนด์ใหม่เจาะตลาดล่าง ไตรมาสแรกโตต่ำเป้า ด้านพรานทะเล เผยมีออเดอร์จากต่างประเทศที่ลดลงเช่นกัน งัดกลยุทธ์ทำตลาดเต็มรูปแบบ โหมหนักซูชิดีลิเวอรี่

ตลาดอาหารแช่แข็งในไทยคึกคักขึ้น เมื่อสองผู้นำตลาดอย่าง พรานทะเลและพีเอฟพี เปิดเกมรุกอย่างหนัก ทั้งในตลาดในประเทศและต่างประเทศ อย่างไรก็ตามทั้งคู่ก็ยังคงเผชิญกับปัญหาที่หลากหลายทั้งต้นการผลิตจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นหรือแม้แต่ตลาดส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น การปรับตัวรับมือสถานการณ์ดังกล่าวจึงเกิดขึ้น
นายทวี ปิยะพัฒนา
พีเอฟพีลดสัดส่วนตลาดส่งออก
นายทวี ปิยะพัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท แปซิฟิคแปรรูปสัตว์น้ำ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบที่มีอยู่หลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยเรื่องค่าเงินบาทที่แข็งตัวขึ้น ส่งผลกระทบต่อตลาดส่งออกที่รายได้หายไปจำนวนหนึ่ง ปัจจัยเรื่องค่าน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลต่อต้นทุนดำเนินการที่สูงขึ้นด้วย ขณะเดียวกันตลาดในประเทศก็ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจด้วย

สำหรับรายได้ในประเทศในไตรมาสแรกที่ผ่านมาพบว่ามีรายได้เติบโตเพียง 4-5% เท่านั้น ต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่วางไว้ว่าจะเติบโต 10% เนื่องจากเศรษฐกิจภาพรวมที่ชะลอตัวส่งผลกระทบให้ยอดรายได้หลุดจากเป้าที่วางไว้ โดยมีรายได้รวม 250 ล้านบาท

ดังนั้นปีนี้พีเอฟพีจึงได้ปรับแผนการทำตลาดใหม่ รวมทั้งการปรับสัดส่วนรายได้ใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการตลาดในเวลานี้ โดยจะปรับลดสัดส่วนรายได้จากตลาดส่งออกเหลือ 50% จากเดิมที่มีสัดส่วนรายได้กว่า 60% ขณะเดียวกันจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ในประเทศให้เป็น 50% จากเดิมมีเพียง 40% เท่านั้น

ทั้งนี้แผนการรุกตลาดจากนี้ไป ในส่วนของตลาดในประเทศจะมีการแยกตลาดและกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน โดยแบรนด์พีเอฟพีจะใช้เป็นแบรนด์ที่เจาะตลาดอาหารแช่แข็งระดับบน หรือระดับพรีเมี่ยม โดยไตรมาส 2 จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ท้องตลาด 4 ตัว คือ แซลมอลสติ๊ก แซลมอนคัลเลท ทูน่าบัน และฟลาวเวอร์ ต่อจากนี้ไปจะเน้นสินค้าเพื่อสุขภาพมากขึ้น

นอกจากนั้นล่าสุดได้แตกแบรนด์ใหม่ชื่อว่า MICKY เพื่อเจาะตลาดกลุ่มผู้บริโภคอาหารแช่แข็งระดับกลางและล่างโดยเฉพาะ ซึ่งราคาต่ำกว่า 20% จากระดับบน โดยทำตลาดเฉพาะในประเทศ ซึ่งตลาดระดับกลางและล่างนี้ถือเป็นตลาดใหญ่ที่น่าสนใจอย่างมาก

ในส่วนของตลาดต่างประเทศบริษัทฯอยู่ระหว่างการหาตลาดใหม่ๆเพื่อขยายไลน์สินค้าเข้าไป เบื้องต้นติดต่อไปยัง ประเทศอเมริกา และประเทศแคนาดา คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้

นายทวีกล่าวว่า จากการทำตลาดบุกขยายตลาดในประเทศรวมทั้งการแตกแบรนด์ใหม่เข้ามากระตุ้นตลาด เชื่อว่าสิ้นปีนี้จะมียอดขายในประเทศประมาณ 1 พันล้านบาท เติบโตเพิ่มได้อีก 20% ขณะที่รายได้จากตลาดต่างประเทศประมาณ 1,700 ล้านบาท โตจากเดิม 10% แบ่งเป็นเนื้อปลาแช่แข็ง 700 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ใช้เนื้อบด 1,000 ล้านบาท
นายอนุรัตน์ โค้วคาสัย
พรานทะเลเปิดเกมรุก
นายอนุรัตน์ โค้วคาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาดและฝ่ายปฏิบัติการ บริษัทพรานทะเลมาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ทำตลาดอาหารทะเลแปรรูป พร้อมรับประทานและซูชิ ฯลฯ แบรนด์ “พรานทะเล” กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีหลังบริษัทฯจะให้ความสำคัญในการรักษาฐานลูกค้าเดิม อาทิกลุ่มแม่บ้านสมัยใหม่ และขยายฐานลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้นด้วยการเปิดตัวสินค้าเพื่อสุขภาพมากขึ้น อาทิ เส้นก๋วยเตี่ยวอาทิ อูด้ง บะหมี่ พัฒนาเป็นเมนูอาหารทะเลแช่แข็งพร้อมรับประทาน และเมนูอาหารเพื่อสุขภาพ จากเนื้อปลาและข้าว เป็นต้นวางจำหน่ายราคา 49 บาท

ทั้งนี้บริษัทยูเนี่ยนโฟรเซ่นโปรดักส์ หรือ ยูเอฟพี บริษัทแม่และผู้ทำตลาดอาหารทะเลแปรรูปแช่แข็งส่งออกไปยังต่างประเทศได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งอยู่ที่ 33-34 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐส่งผลให้ลูกค้าในต่างประเทศเริ่มชะลอการสั่งซื้อสินค้าไปแล้วจากปัจจุบันบริษัทแม่มีสัดส่วนยอดขายส่งออกอยู่ที่ 90% ที่เหลือ 10% เป็นการทำตลาดแปรรูปอาหารทะเลแช่แข็งภายใต้ยี่ห้อพรานทะเล

ที่ผ่านมาในไตรมาสแรกบริษัทฯมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 35% มียอดขายรวมกว่า 300 ล้านบาท โดยแยกเป็นสัดส่วนยอดขายจากกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแช่แข็งประเภทต่างๆ ได้แก่ อาหารทะเลแช่แข็งพร้อมปรุง 100 ล้านบาท คิดเป็น 33% อาหารทะเลแช่แข็งพร้อมรับประทาน 90 ล้านบาท คิดเป็น 30% ซูชิ 100 ล้านบาท คิดเป็น 33% และหมวดอื่นๆ เช่น พรานไพรและไส้กรอกซีฟู้ดอีก 10 ล้านบาท คิดเป็น 4% และในไตรมาสที่ 2 ของปี คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นอีก 300 ล้านบาท

โดยเฉพาะในเดือนเมษายนที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายสูงถึง 120 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมาทำรายได้ราว 80 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ยังให้ความสำคัญกับสินค้ากลุ่มอาหารญี่ปุ่น พรานทะเล ซูชิ ดีลิเวอรี่ มากขึ้น ซึ่งเป็นการต่อยอดจากเดิมช่องทางจำหน่ายเดิมที่มี 170 แห่ง โดยเจาะฐานตลาดคนญี่ปุ่นที่ศึกษาและทำงานในไทยกว่า 40,000 คน ซึ่งปัจจุบันมีอัตราเติบโตเป็นที่น่าพอใจ

ด้านแผนตลาดบริษัทฯได้จัดทีมงานออกโรดโชว์ไปยังแหล่งชุมชนและโมเดิร์นเทรด เพื่อกระตุ้นยอดขายและสร้างการรับรู้จดจำแบรนด์ โดยได้ดำเนินการเดือนละประมาณ 4-5 ครั้งทั่วประเทศไทย

นายอนุรัตน์กล่าวต่อไปว่า ด้านช่องทางการจัดจำหน่ายได้เน้นให้กระจายผลิตภัณฑ์เข้าถึงผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันมีจุดจำหน่ายทั่วประเทศกว่า 6,000 จุด แบ่งเป็นร้านค้าเล็กในแหล่งชุมชน โมเดิร์นเทรด คอนวีเนี่ยน สโตร์ และมินิมาร์ท โดยจะทำการขยายสู่ระดับรากแก้วเพิ่มเติมอีก 1,000 จุดในสิ้นปี

ปัจจุบัน ‘พรานทะเล’ มีส่วนแบ่งการตลาดในหมวดของอาหารทะเลแช่แข็งพร้อมปรุงจำนวน 75% จากยอดตลาดในประเทศทั้งหมด 400 ล้านบาท อาหารทะเลแช่แข็งพร้อมรับประทานจำนวน 11.7% จากยอดขายในตลาดทั้งหมด 3,000 ล้านบาท และซูชิ 50% จากยอดขายในตลาดทั้งหมด 650 ล้านบาท

ด้านการขยายตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศ ได้เตรียมเพิ่มผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแช่แข็งพร้อมทานระดับพรีเมี่ยมไปจำหน่ายยังประเทศสิงค์โปร์ และไต้หวัน ส่วนประเทศญี่ปุ่นยังได้รับการตอบรับจากกลุ่มกุ้งสดแช่แข็ง สำหรับตลาดประเทศจีนนั้น หลังจากที่ได้ส่งทีมสำรวจและวิจัยตลาดเข้าไป พบว่ามีความเป็นไปได้สูงในการเปิดตลาดซูชิ เพราะขณะนี้คนจีนให้ความสนใจอาหารญี่ปุ่นมาก โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในต้นปีหน้าของปีโดยจะเริ่มดำเนินการในย่านสถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัย หรือหอพักนักศึกษาในเมืองปักกิ่งเป็นจุดแรกเนื่องจากว่ามีการตอบรับจากนักศึกษาที่ค่อนข้างสูงและเป็นเมืองที่มีประชากรต้องการทานซูชิเป็นอันดับต้นๆ
กำลังโหลดความคิดเห็น