ขบวนการอีสานกู้ชาติเรียกร้องกระทรวงการคลัง ตรวจสอบการกำหนดราคาหน้าโรงกลั่นของ ปตท.ชี้ การปรับเพิ่มค่าการกลั่นจาก 3 ดอลลาร์สหรัฐฯ มาเป็น 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในเวลา 5 ปี ส่อเงื่อนงำไม่โปร่งใส มีการเก็งกำไรจากการสตอกน้ำมัน เพราะระหว่างการขนส่งที่ใช้เวลา 45 วัน อัตราแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลง จึงต้องการให้ชี้แจงส่วนต่างรายได้ดังกล่าวว่าไปอยู่ในบัญชีส่วนใด
วันนี้ (23 พ.ค.) นายไทกร พลสุวรรณ พร้อมตัวแทนคณะขบวนการอีสานกู้ชาติ ได้ยื่นหนังสือผ่าน นายธนญ ตันติสุนทร ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อให้กระทรวงการคลังตรวจสอบโรงกลั่นของ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.เนื่องจากเห็นว่าไม่โปร่งใสในหลายแห่ง เพราะขณะนี้ ปตท.มีโรงกลั่นถึง 5 แห่ง จากทั้ง 7 โรง ในประเทศไทย เช่น ไทยออยล์ ระยอง และไออาร์พีซี เป็นต้น และเห็นว่า มีการปรับเพิ่มค่าการกลั่นสูงขึ้นมาก จากเดิมปี 2545 ค่าการกลั่นอยู่ที่ 3 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล หรือ 60 สตางค์ต่อลิตร ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯอยู่ที่ 44 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง จนถึงปี 2550 มาอยู่ที่ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ค่าการกลั่นได้เพิ่มขึ้นจนถึง 10 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นสูงถึง 19 บาทต่อลิตร เมื่อรวมกับภาษีประเภทต่างๆ ทำให้ประชาชนซื้อน้ำมันในราคาสูงกว่า 30 บาท ทั้งที่ราคาหน้าโรงกลั่นไม่ควรเกิน 10 บาทต่อลิตร
ดังนั้น จึงต้องการให้กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นเข้าตรวจสอบ และให้ ปตท.ชี้แจงการแสดงต้นทุนวิธีคิดราคา และขั้นตอนในการตั้งราคาน้ำมันสำเร็จรูปหน้าโรงกลั่น เพื่อให้ประชาชนคลายความสงสัย และเห็นว่า น่าจะมีการเก็งกำไรจากการสตอกน้ำมัน เพราะระหว่างการขนส่งที่ใช้เวลา 45 วัน อัตราแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลง จึงต้องการให้ชี้แจงส่วนต่างรายได้ดังกล่าวว่าไปอยู่ในบัญชีส่วนใด
วันนี้ (23 พ.ค.) นายไทกร พลสุวรรณ พร้อมตัวแทนคณะขบวนการอีสานกู้ชาติ ได้ยื่นหนังสือผ่าน นายธนญ ตันติสุนทร ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อให้กระทรวงการคลังตรวจสอบโรงกลั่นของ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.เนื่องจากเห็นว่าไม่โปร่งใสในหลายแห่ง เพราะขณะนี้ ปตท.มีโรงกลั่นถึง 5 แห่ง จากทั้ง 7 โรง ในประเทศไทย เช่น ไทยออยล์ ระยอง และไออาร์พีซี เป็นต้น และเห็นว่า มีการปรับเพิ่มค่าการกลั่นสูงขึ้นมาก จากเดิมปี 2545 ค่าการกลั่นอยู่ที่ 3 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล หรือ 60 สตางค์ต่อลิตร ขณะที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯอยู่ที่ 44 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง จนถึงปี 2550 มาอยู่ที่ 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ค่าการกลั่นได้เพิ่มขึ้นจนถึง 10 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งทำให้ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นสูงถึง 19 บาทต่อลิตร เมื่อรวมกับภาษีประเภทต่างๆ ทำให้ประชาชนซื้อน้ำมันในราคาสูงกว่า 30 บาท ทั้งที่ราคาหน้าโรงกลั่นไม่ควรเกิน 10 บาทต่อลิตร
ดังนั้น จึงต้องการให้กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นเข้าตรวจสอบ และให้ ปตท.ชี้แจงการแสดงต้นทุนวิธีคิดราคา และขั้นตอนในการตั้งราคาน้ำมันสำเร็จรูปหน้าโรงกลั่น เพื่อให้ประชาชนคลายความสงสัย และเห็นว่า น่าจะมีการเก็งกำไรจากการสตอกน้ำมัน เพราะระหว่างการขนส่งที่ใช้เวลา 45 วัน อัตราแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลง จึงต้องการให้ชี้แจงส่วนต่างรายได้ดังกล่าวว่าไปอยู่ในบัญชีส่วนใด