การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ทุ่มงบประมาณกว่า 700 ล้านบาท หวังนำระบบไอทีมาช่วยปรับภาพลักษณ์ใหม่สู่ท่าเรืออิเล็กทรอนิกส์ และมีความทันสมัยเทียบชั้นกับท่าเรือระดับโลก มั่นใจจะทำให้มีรายได้และปริมาณขนส่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 ต่อปี
นางสุนิดา สกุลรัตนะ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวว่า ในปี 2550 นี้ กทท.มีแผนจะพัฒนาองค์กรสู่การเป็นท่าเรืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Port) ซึ่งจะมีการนำระบบระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) มาพัฒนาการบริหารจัดการของท่าเรือที่อยู่ในความดูแล ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น และถือเป็นการปรับภาพลักษณ์การให้บริการท่าเรือของไทยสู่ภาพลักษณ์ใหม่ที่มีความทันสมัย เทียบชั้นกับท่าเรือระดับโลก
โดยโครงการท่าเรืออิเล็กทรอนิกส์จะเป็นการพัฒนาทั้งระบบบริหารจัดการ ระบบฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบุคลากรให้มีความทันสมัย ซึ่งในอนาคตผู้ใช้บริการขนส่งสินค้าจะสามารถตรวจสอบข้อมูลหรือทำพิธีการทางศุลกากรและการกรอกข้อมูลอื่นๆ เข้าสู่ระบบเพียงครั้งเดียว ก็จะสามารถทำธุรกรรมได้ครบถ้วน
ด้านนายสุรพงษ์ รงศิริกุล รองผู้อำนวยการ กทท. กล่าวว่า ได้ใช้งบประมาณในการปรับปรุงระบบไอทีของท่าเรือสำคัญทั้งท่าเรือกรุงเทพฯ และแหลมฉบังกว่า 700 ล้านบาท โดยจะเป็นการพัฒนาภายใน 2 ปี และมั่นใจว่าการพัฒนาระบบดังกล่าวจะช่วยให้การท่าเรือมีรายได้เพิ่มขึ้นและการเพิ่มปริมาณขนส่งสินค้าจะขยายตัวไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ต่อปี
นอกจากการพัฒนาระบบเพื่อการเพิ่มรายได้ ยังมีแผนลดรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับบุคลากร เช่น ภายใน 2 ปี จะลดขนาดองค์กร จากปัจจุบัน 3,700 คน เหลือ 2,500 คน หรือลดลงกว่า 1,600 คน โดยจะใช้แนวทางไม่รับพนักงานใหม่แทนผู้เกษียณอายุ ที่มีเฉลี่ย 100 คนต่อปี รวมทั้งจะมีการโครงการเออร์ลี่ รีไทร์ ทั้งหมดอีก 800 คน โดยฝ่ายบริหาร กทท.จะขออนุมัติบอร์ดใช้งบประมาณ 1,200 ล้านบาท เพื่อชดเชยให้พนักงานที่พร้อมเข้าสู่กระบวนการในอนาคต
นางสุนิดา สกุลรัตนะ ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) กล่าวว่า ในปี 2550 นี้ กทท.มีแผนจะพัฒนาองค์กรสู่การเป็นท่าเรืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Port) ซึ่งจะมีการนำระบบระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) มาพัฒนาการบริหารจัดการของท่าเรือที่อยู่ในความดูแล ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น และถือเป็นการปรับภาพลักษณ์การให้บริการท่าเรือของไทยสู่ภาพลักษณ์ใหม่ที่มีความทันสมัย เทียบชั้นกับท่าเรือระดับโลก
โดยโครงการท่าเรืออิเล็กทรอนิกส์จะเป็นการพัฒนาทั้งระบบบริหารจัดการ ระบบฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบุคลากรให้มีความทันสมัย ซึ่งในอนาคตผู้ใช้บริการขนส่งสินค้าจะสามารถตรวจสอบข้อมูลหรือทำพิธีการทางศุลกากรและการกรอกข้อมูลอื่นๆ เข้าสู่ระบบเพียงครั้งเดียว ก็จะสามารถทำธุรกรรมได้ครบถ้วน
ด้านนายสุรพงษ์ รงศิริกุล รองผู้อำนวยการ กทท. กล่าวว่า ได้ใช้งบประมาณในการปรับปรุงระบบไอทีของท่าเรือสำคัญทั้งท่าเรือกรุงเทพฯ และแหลมฉบังกว่า 700 ล้านบาท โดยจะเป็นการพัฒนาภายใน 2 ปี และมั่นใจว่าการพัฒนาระบบดังกล่าวจะช่วยให้การท่าเรือมีรายได้เพิ่มขึ้นและการเพิ่มปริมาณขนส่งสินค้าจะขยายตัวไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ต่อปี
นอกจากการพัฒนาระบบเพื่อการเพิ่มรายได้ ยังมีแผนลดรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับบุคลากร เช่น ภายใน 2 ปี จะลดขนาดองค์กร จากปัจจุบัน 3,700 คน เหลือ 2,500 คน หรือลดลงกว่า 1,600 คน โดยจะใช้แนวทางไม่รับพนักงานใหม่แทนผู้เกษียณอายุ ที่มีเฉลี่ย 100 คนต่อปี รวมทั้งจะมีการโครงการเออร์ลี่ รีไทร์ ทั้งหมดอีก 800 คน โดยฝ่ายบริหาร กทท.จะขออนุมัติบอร์ดใช้งบประมาณ 1,200 ล้านบาท เพื่อชดเชยให้พนักงานที่พร้อมเข้าสู่กระบวนการในอนาคต