รมว.คลังเตรียมหารือกับบีโอไอเพื่อสรุปอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์อีโคคาร์โดยเร็วที่สุด ยืนยันจะต้องได้ข้อสรุปภายในเดือน พ.ค.นี้แน่นอน โดยจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างอุตสาหกรรมทั้งระบบ

นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับค่ายรถยนต์ 12 ค่าย เกี่ยวกับการกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ประหยัดพลังงาน หรืออีโคคาร์ ระบุว่า การหารือกับค่ายรถยนต์ทั้ง 12 ค่ายในครั้งนี้ เพื่อต้องการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการอีโคคาร์ โดยบางค่ายให้ความสนใจที่จะลงทุนในโครงการอีโคคาร์ และเห็นว่าไทยสามารถพัฒนาเป็นสินค้าใหม่ที่เป็นโปรดักส์แชมเปียนของประเทศ รองจากรถยนต์ปิกอัพได้ หากเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ อย่างไรก็ตาม ก็มีบางค่ายเป็นห่วงว่ารถยนต์อีโคคาร์จะมีผลกระทบต่อตลาดทั้งรถกระบะและรถยนต์นั่ง ขณะที่ค่ายยุโรปนั้นยืนยันว่าไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด
นายฉลองภพ กล่าวว่า พร้อมรับฟังความคิดเห็นทุกฝ่ายโดยจะนำไปหารือกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ทันกับกำหนดเวลาที่นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ต้องการให้กระทรวงการคลังพิจารณาเรื่องภาษีสรรพสามิตให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยให้พิจารณาแนวโน้มว่าอยู่ในวิสัยที่สามารถผลักดันให้เกิดโครงการนี้ได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม โครงการอีโคคาร์คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในปีนี้ ซึ่งสอดคล้องกับตลาดรถยนต์ในปัจจุบัน แต่ต้องเป็นการเตรียมความพร้อมและต่อยอดของอุตสาหกรรมรถยนต์ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ซึ่งหมายความว่าก็น่าจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งในส่วนของกระทรวงการคลังจำเป็นต้องพิจารณาให้รอบด้านเพราะอัตราภาษีสรรพสามิตต้องกำหนดให้ใช้กับรถที่เข้าข่ายเป็นอีโคคาร์ทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศโดยพิจารณาว่าเมื่อกำหนดอัตราภาษีแล้วในส่วนของโครงสร้างภาษีรถยนต์จะเป็นอย่างไร ขณะเดียวกัน การนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศจะมีผลอย่างไรโดยเฉพาะในเขตอาเซียน ที่ปัจจุบันได้ปรับลดภาษีนำเข้าไปเป็นจำนวนมากแล้ว
นายฉลองภพ กล่าวยืนยันว่า เรื่องนี้ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้แน่นอน ส่วนจะกำหนดอัตราภาษีอย่างไรคงไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ และจะพยายามดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยต้องพิจารณาว่าเมื่อกำหนดอัตราภาษีให้แล้วต้องเกิดขึ้นได้ และต้องไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างอุตสาหกรรมทั้งระบบ โดยต้องการให้อุตสาหกรรมยานยนต์มีอนาคตที่ดีที่สุด
นายฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับค่ายรถยนต์ 12 ค่าย เกี่ยวกับการกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ประหยัดพลังงาน หรืออีโคคาร์ ระบุว่า การหารือกับค่ายรถยนต์ทั้ง 12 ค่ายในครั้งนี้ เพื่อต้องการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับโครงการอีโคคาร์ โดยบางค่ายให้ความสนใจที่จะลงทุนในโครงการอีโคคาร์ และเห็นว่าไทยสามารถพัฒนาเป็นสินค้าใหม่ที่เป็นโปรดักส์แชมเปียนของประเทศ รองจากรถยนต์ปิกอัพได้ หากเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ อย่างไรก็ตาม ก็มีบางค่ายเป็นห่วงว่ารถยนต์อีโคคาร์จะมีผลกระทบต่อตลาดทั้งรถกระบะและรถยนต์นั่ง ขณะที่ค่ายยุโรปนั้นยืนยันว่าไม่มีผลกระทบแต่อย่างใด
นายฉลองภพ กล่าวว่า พร้อมรับฟังความคิดเห็นทุกฝ่ายโดยจะนำไปหารือกับคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) โดยเร็วที่สุด เพื่อให้ทันกับกำหนดเวลาที่นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ต้องการให้กระทรวงการคลังพิจารณาเรื่องภาษีสรรพสามิตให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยให้พิจารณาแนวโน้มว่าอยู่ในวิสัยที่สามารถผลักดันให้เกิดโครงการนี้ได้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม โครงการอีโคคาร์คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในปีนี้ ซึ่งสอดคล้องกับตลาดรถยนต์ในปัจจุบัน แต่ต้องเป็นการเตรียมความพร้อมและต่อยอดของอุตสาหกรรมรถยนต์ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ซึ่งหมายความว่าก็น่าจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งในส่วนของกระทรวงการคลังจำเป็นต้องพิจารณาให้รอบด้านเพราะอัตราภาษีสรรพสามิตต้องกำหนดให้ใช้กับรถที่เข้าข่ายเป็นอีโคคาร์ทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศโดยพิจารณาว่าเมื่อกำหนดอัตราภาษีแล้วในส่วนของโครงสร้างภาษีรถยนต์จะเป็นอย่างไร ขณะเดียวกัน การนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศจะมีผลอย่างไรโดยเฉพาะในเขตอาเซียน ที่ปัจจุบันได้ปรับลดภาษีนำเข้าไปเป็นจำนวนมากแล้ว
นายฉลองภพ กล่าวยืนยันว่า เรื่องนี้ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้แน่นอน ส่วนจะกำหนดอัตราภาษีอย่างไรคงไม่สามารถเปิดเผยในรายละเอียดได้ และจะพยายามดำเนินการให้เร็วที่สุด โดยต้องพิจารณาว่าเมื่อกำหนดอัตราภาษีให้แล้วต้องเกิดขึ้นได้ และต้องไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างอุตสาหกรรมทั้งระบบ โดยต้องการให้อุตสาหกรรมยานยนต์มีอนาคตที่ดีที่สุด