บีอีซีเวิลด์ หรือช่อง 3 งัดกลยุทธ์ สร้างฐานรายได้หลากหลาย ไม่พึ่งละครอย่างเดียว เหตุเสี่ยงเกินไป ปูฐานสู่กลุ่มข่าวสำเร็จ ดันรายได้สัดส่วน 25% แล้ว เล็งสู่รายการเด็ก ปั้นรายการวาไรตี้ผู้ชาย เผย ยังไม่มีผู้จัดทีไอทีวีมาซบอก แต่เปิดกว้าง ด้านกำไรไตรมาสแรกโกย 541 ล้านบาท เติบโต 72% จากช่วงเดียวกันปีก่อน พร้อมเพิ่มเวลาโฆษณาอีก
นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่าย – ฝ่ายการเงิน บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เปิดเผยว่า ทางช่อง 3 มีนโยบายที่จะกระจายการสร้างรายได้ออกไปให้มากที่สุด จากเดิมที่ในอดีตยึดติดกับรายได้จากละครที่สร้างรายได้หลักอย่างเดียวกว่า 90% เพื่อกระจายความเสี่ยงทางด้านธุรกิจ และยังเป็นการเพิ่มฐานรายได้อีกด้วย ขณะเดียวกัน ก็ยังมีการปรับผังรายการเพื่อสร้างช่วงเวลาโฆษณาให้มากขึ้น
“ในอนาคตรายการต้องมีความหลากหลาย ซึ่งรายการพวกข่าว ถ้าหากทำได้ดีก็จะอยู่นาน มีความมั่นคงกว่า ส่วนละครมันมีอายุสั้น และขึ้นอยู่กับแต่ละเรื่องด้วยว่าทำโดนใจตลาดผู้ชมหรือไม่ กับละครของคู่แข่งในเวลาเดียวกันเป็นอย่างไรบ้าง การยึดติดกับรายได้จากละครอย่างเดียวก็ไม่ถูกต้อง” นายฉัตรชัย กล่าว
ปัจจุบันได้เริ่มทยอยทำมาแล้ว คือ การเพิ่มเวลาของข่าวในครอบครัวข่าว ซึ่งทำให้ที่ผ่านมา สัดส่วนรายได้ของข่าวเพิ่มขึ้นเป็น 25% แล้ว ซึ่งรายการประเภทข่าวมีสัดส่วนการออกอากาศประมาณ 12 ชั่วโมง หรือมากกว่า 50% ของผังทั้งหมด จากจำนวนกว่า 23 รายการ เช่น เรื่องเด่นเย็นนี้ เรื่องเล่าเช้านี้ ผู้หญิงถึงผู้หญิง เป็นต้น และคาดว่า ปีนี้รายการประเภทข่าวจะเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 27-28% ได้
จากนี้ก็พยายามที่จะสร้างรายการประเภทเด็กให้ขึ้นมาอยู่แถวหน้าบ้าง แม้ที่ผ่านมาจะมีก็ตามแต่ก็ยังไม่โดดเด่นเท่าที่ควร ล่าสุด ได้วางแผนที่จะเพิ่มรายการที่เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ชายมากขึ้นด้วย โดยคาดว่าจะเริ่มชัดเจนในปีหน้า
นอกจากนี้ ช่อง 3 ยังได้ขยายช่วงเวลาโฆษณาเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะช่วงละครไพรม์ไทม์ ซึ่งสังเกตได้ว่าเพิ่มขึ้นมาตลอด โดยปัจจุบันไตรมาสแรกที่ผ่านมาของปีนี้มีเวลารวม 677 นาทีต่อเดือน เพิ่มจากไตรมาสแรกปี 2549 ที่มี 645 นาทีต่อเดือน ไตรมาสสองปี 2549 มีเวลารวม 671 นาทีต่อเดือน และไตรมาสแรกปี 2548 มีเวลารวม 452 นาทีต่อเดือน และคาดว่า ไตรมาสสองปีนี้ จะมีประมาณ 716 นาทีต่อเดือน ซึ่งถือว่าสูงที่สุดแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพยายามเพิ่มรายการเด็กและรายการผู้ชาย เป็นช่วงจังหวะที่สอดรับกับที่ช่องทีไอทีวีมีปัญหาในขณะนี้ และเป็นช่องที่มีรายการประเภทเด็กและผู้ชายค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม นายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการผู้จัดการ บีอีซีเวิลด์ กล่าวย้ำว่า ขณะนี้ยังไม่มีผู้จัดรายการจากช่องทีไอทีวีย้ายมาแต่อย่างใด แต่ก็มีการเจรจาพูดคุยกันบ้าง
“เราเปิดกว้างอยู่แล้ว ผู้จัดรายการรายใดจะยกรายการมาทั้งหมดหรือเปล่าไม่รู้ มันขึ้นอยู่กับว่าถูกใจเราหรือเปล่า เราอยากได้รายการเด็กและรายการผู้ชาย ซึ่งเราก็พัฒนาอยู่เหมือนกัน”
อย่างไรก็ตาม ผังรายการใหม่ที่จะมีการปรับนั้นเช่น เดือนมิถุนายน มี 2 รายการ คือ แกะดำ และ ปากต่อปาก ทั้งสองรายการเข้ามาแทนรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง วันเสาร์และอาทิตย์ ส่วนเดือนกรกฎาคม มีรายการ เกมโชว์ “คุณฉลาดกว่าเด็กประถม 5 หรือเปล่า” เป็นลิขสิทธิ์จากอเมริกา และรายการ เกมโชว์ 1 ต่อ 100 จากอเมริกา ซึ่งทั้งสองรายการนี้ทางบีอีซีเทโรเป็นผู้ซื้อลิขสิทธิ์
นายประวิทย์ กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาสแรกปี 2550 ของบริษัทมีกำไร 541 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาสก่อน 226 ล้านบาท หรือสูงขึ้น 72% และสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว 105 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24% เนื่องจากธุรกิจดีต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่ไตรมาสที่สี่ปี 2548 สามารถเพิ่มรายได้จากการขายเวลาโฆษณาได้มากกว่าไตรมาสก่อน 125 ล้านบาท หรือ 8.4% และได้มากกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนกว่า 113 ล้านบาท หรือ 7.5%
ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกปี 2550 เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ช่อง 3 มีรายได้ 1,807 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% จากเดิมที่มี 1,681 ล้านบาท สูงเป็นอันดับที่สองรองจาก ช่อง 11 ที่เพิ่มขึ้น 11.7% โดยหากแบ่งเป็นช่วงไพรม์ไทม์แล้ว ช่อง 3 ทำได้เพิ่มขึ้น 10% ส่วนในช่วงนอนไพรม์ไทม์ ช่อง 3 ทำได้เพิ่มขึ้น 11.6%
ขณะที่หากพิจารณาเพียงเดือนมีนาคมเพียงเดือนเดียวของปี 2550 เทียบกับปี 2549 พบว่า ช่อง 3 เติบโต 13.5% เป็นอันดับที่สองรองจาก ช่อง 11 ที่เติบโต 15.3% ช่อง 5 เติบโต 8.2% ช่องทีไอทีวี เติบโต 7.7% ช่อง 7 เติบโต 3.8% ขณะที่ช่อง 9 ตกลง 14.1%
นายสุรินทร์ กฤตยาพงษ์พันธ์ ผู้บริหาร บีอีซีเวิลด์ กล่าวว่า สำหรับส่วนแบ่งตลาดเม็ดเงินโฆษณาไตรมาสแรกปีนี้เทียบกับไตรมาสแรกปีที่แล้ว พบว่า ช่อง 3 มีแชร์ 25% เพิ่มจากเดิมที่มี 23%, ช่อง 5 มีแชร์ 17% เท่าเดิม, ช่อง 7 มีแชร์ 27% ลดลงจากเดิมที่มี 28%, ช่องโมเดิร์นไนน์มีแชร์ 12% ลดลงจากเดิมที่มี 14%, ช่อง 11 แชร์ 2% เท่าเดิม
ปัจจุบันส่วนแบ่งผู้ชมของช่อง 3 สำหรับกลุ่มอายุ 4 ปีขึ้นไป ทั้งวัน ในไตรมาสแรกปี 2550 มี 29.7% เพิ่มจากไตรมาสแรกปี 2549 ที่มี 26.8% และไตรมาสสี่ ปี 2550 มี 26%
นายฉัตรชัย กล่าว่า สภาพตลาดเม็ดเงินโฆษณาในช่วงไตรมาสแรกภาพรวมเติบโตไม่มากนัก แต่ในบางกลุ่มตลาดนั้นมีการใช้งบโฆษณาลดลงอย่างมาก เช่น กลุ่มสันทนาการ ลดลง 36% ธุรกิจเพลงหายไป 28% เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลดลง 51% ภาครัฐ ลดลง 22% สื่อสาร ลดลง 12%
นายฉัตรชัย เทียมทอง ผู้อำนวยการฝ่าย – ฝ่ายการเงิน บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เปิดเผยว่า ทางช่อง 3 มีนโยบายที่จะกระจายการสร้างรายได้ออกไปให้มากที่สุด จากเดิมที่ในอดีตยึดติดกับรายได้จากละครที่สร้างรายได้หลักอย่างเดียวกว่า 90% เพื่อกระจายความเสี่ยงทางด้านธุรกิจ และยังเป็นการเพิ่มฐานรายได้อีกด้วย ขณะเดียวกัน ก็ยังมีการปรับผังรายการเพื่อสร้างช่วงเวลาโฆษณาให้มากขึ้น
“ในอนาคตรายการต้องมีความหลากหลาย ซึ่งรายการพวกข่าว ถ้าหากทำได้ดีก็จะอยู่นาน มีความมั่นคงกว่า ส่วนละครมันมีอายุสั้น และขึ้นอยู่กับแต่ละเรื่องด้วยว่าทำโดนใจตลาดผู้ชมหรือไม่ กับละครของคู่แข่งในเวลาเดียวกันเป็นอย่างไรบ้าง การยึดติดกับรายได้จากละครอย่างเดียวก็ไม่ถูกต้อง” นายฉัตรชัย กล่าว
ปัจจุบันได้เริ่มทยอยทำมาแล้ว คือ การเพิ่มเวลาของข่าวในครอบครัวข่าว ซึ่งทำให้ที่ผ่านมา สัดส่วนรายได้ของข่าวเพิ่มขึ้นเป็น 25% แล้ว ซึ่งรายการประเภทข่าวมีสัดส่วนการออกอากาศประมาณ 12 ชั่วโมง หรือมากกว่า 50% ของผังทั้งหมด จากจำนวนกว่า 23 รายการ เช่น เรื่องเด่นเย็นนี้ เรื่องเล่าเช้านี้ ผู้หญิงถึงผู้หญิง เป็นต้น และคาดว่า ปีนี้รายการประเภทข่าวจะเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 27-28% ได้
จากนี้ก็พยายามที่จะสร้างรายการประเภทเด็กให้ขึ้นมาอยู่แถวหน้าบ้าง แม้ที่ผ่านมาจะมีก็ตามแต่ก็ยังไม่โดดเด่นเท่าที่ควร ล่าสุด ได้วางแผนที่จะเพิ่มรายการที่เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ชายมากขึ้นด้วย โดยคาดว่าจะเริ่มชัดเจนในปีหน้า
นอกจากนี้ ช่อง 3 ยังได้ขยายช่วงเวลาโฆษณาเพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะช่วงละครไพรม์ไทม์ ซึ่งสังเกตได้ว่าเพิ่มขึ้นมาตลอด โดยปัจจุบันไตรมาสแรกที่ผ่านมาของปีนี้มีเวลารวม 677 นาทีต่อเดือน เพิ่มจากไตรมาสแรกปี 2549 ที่มี 645 นาทีต่อเดือน ไตรมาสสองปี 2549 มีเวลารวม 671 นาทีต่อเดือน และไตรมาสแรกปี 2548 มีเวลารวม 452 นาทีต่อเดือน และคาดว่า ไตรมาสสองปีนี้ จะมีประมาณ 716 นาทีต่อเดือน ซึ่งถือว่าสูงที่สุดแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพยายามเพิ่มรายการเด็กและรายการผู้ชาย เป็นช่วงจังหวะที่สอดรับกับที่ช่องทีไอทีวีมีปัญหาในขณะนี้ และเป็นช่องที่มีรายการประเภทเด็กและผู้ชายค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม นายประวิทย์ มาลีนนท์ กรรมการผู้จัดการ บีอีซีเวิลด์ กล่าวย้ำว่า ขณะนี้ยังไม่มีผู้จัดรายการจากช่องทีไอทีวีย้ายมาแต่อย่างใด แต่ก็มีการเจรจาพูดคุยกันบ้าง
“เราเปิดกว้างอยู่แล้ว ผู้จัดรายการรายใดจะยกรายการมาทั้งหมดหรือเปล่าไม่รู้ มันขึ้นอยู่กับว่าถูกใจเราหรือเปล่า เราอยากได้รายการเด็กและรายการผู้ชาย ซึ่งเราก็พัฒนาอยู่เหมือนกัน”
อย่างไรก็ตาม ผังรายการใหม่ที่จะมีการปรับนั้นเช่น เดือนมิถุนายน มี 2 รายการ คือ แกะดำ และ ปากต่อปาก ทั้งสองรายการเข้ามาแทนรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง วันเสาร์และอาทิตย์ ส่วนเดือนกรกฎาคม มีรายการ เกมโชว์ “คุณฉลาดกว่าเด็กประถม 5 หรือเปล่า” เป็นลิขสิทธิ์จากอเมริกา และรายการ เกมโชว์ 1 ต่อ 100 จากอเมริกา ซึ่งทั้งสองรายการนี้ทางบีอีซีเทโรเป็นผู้ซื้อลิขสิทธิ์
นายประวิทย์ กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาสแรกปี 2550 ของบริษัทมีกำไร 541 ล้านบาท สูงกว่าไตรมาสก่อน 226 ล้านบาท หรือสูงขึ้น 72% และสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว 105 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24% เนื่องจากธุรกิจดีต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่ไตรมาสที่สี่ปี 2548 สามารถเพิ่มรายได้จากการขายเวลาโฆษณาได้มากกว่าไตรมาสก่อน 125 ล้านบาท หรือ 8.4% และได้มากกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนกว่า 113 ล้านบาท หรือ 7.5%
ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกปี 2550 เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว ช่อง 3 มีรายได้ 1,807 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% จากเดิมที่มี 1,681 ล้านบาท สูงเป็นอันดับที่สองรองจาก ช่อง 11 ที่เพิ่มขึ้น 11.7% โดยหากแบ่งเป็นช่วงไพรม์ไทม์แล้ว ช่อง 3 ทำได้เพิ่มขึ้น 10% ส่วนในช่วงนอนไพรม์ไทม์ ช่อง 3 ทำได้เพิ่มขึ้น 11.6%
ขณะที่หากพิจารณาเพียงเดือนมีนาคมเพียงเดือนเดียวของปี 2550 เทียบกับปี 2549 พบว่า ช่อง 3 เติบโต 13.5% เป็นอันดับที่สองรองจาก ช่อง 11 ที่เติบโต 15.3% ช่อง 5 เติบโต 8.2% ช่องทีไอทีวี เติบโต 7.7% ช่อง 7 เติบโต 3.8% ขณะที่ช่อง 9 ตกลง 14.1%
นายสุรินทร์ กฤตยาพงษ์พันธ์ ผู้บริหาร บีอีซีเวิลด์ กล่าวว่า สำหรับส่วนแบ่งตลาดเม็ดเงินโฆษณาไตรมาสแรกปีนี้เทียบกับไตรมาสแรกปีที่แล้ว พบว่า ช่อง 3 มีแชร์ 25% เพิ่มจากเดิมที่มี 23%, ช่อง 5 มีแชร์ 17% เท่าเดิม, ช่อง 7 มีแชร์ 27% ลดลงจากเดิมที่มี 28%, ช่องโมเดิร์นไนน์มีแชร์ 12% ลดลงจากเดิมที่มี 14%, ช่อง 11 แชร์ 2% เท่าเดิม
ปัจจุบันส่วนแบ่งผู้ชมของช่อง 3 สำหรับกลุ่มอายุ 4 ปีขึ้นไป ทั้งวัน ในไตรมาสแรกปี 2550 มี 29.7% เพิ่มจากไตรมาสแรกปี 2549 ที่มี 26.8% และไตรมาสสี่ ปี 2550 มี 26%
นายฉัตรชัย กล่าว่า สภาพตลาดเม็ดเงินโฆษณาในช่วงไตรมาสแรกภาพรวมเติบโตไม่มากนัก แต่ในบางกลุ่มตลาดนั้นมีการใช้งบโฆษณาลดลงอย่างมาก เช่น กลุ่มสันทนาการ ลดลง 36% ธุรกิจเพลงหายไป 28% เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลดลง 51% ภาครัฐ ลดลง 22% สื่อสาร ลดลง 12%