ขสมก.จัดอบรมพนักงานขับรถ ทั้งรถโดยสาร ขสมก.และรถร่วมบริการ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการขับรถอย่างปลอดภัย และมารยาทการปฏิบัติต่อผู้โดยสาร โดยจะมีการประเมินผลการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมภายใน 1 เดือน ส่วนการปรับลดขนาดองค์กรยืนยันจะมีพนักงาน 4,000-5,000 คนที่จะต้องปรับเปลี่ยนหน้าที่ และเข้าสู่โครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด
นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า หลังจาก ขสมก.ได้จัดสำรวจความคิดเห็นผู้โดยสารต่อการให้บริการของ ขสมก.พบว่าประชาชนต้องการให้มีการปรับปรุงงานใน 3 ส่วน อันดับแรก การขับรถของพนักงานขับรถที่ควรคำนึงถึงความปลอดภัยและมีมารยาทมากขึ้น 2.มารยาทพนักงานเก็บค่าโดยสารควรมีการปรับปรุง และ 3.ขอให้มีการปรับปรุงสภาพรถให้มั่นคงแข็งแรง ในวันนี้ (3 พ.ค.) ขสมก.จึงจัดได้มีการจัดอบรมให้พนักงานขับรถทั้ง ขสมก.และรถร่วมบริการ เพื่อให้ความรู้ทั้งการขับขี่อย่างปลอดภัย มารยาทที่ปฏิบัติต่อผู้โดยสาร รวมถึงบุคลิกภาพของพนักงานที่ปฏิบัติงาน
นายพิเณศวร์ กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้ ขสมก.ตั้งเป้าหมายว่า จะสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ขับขี่ไปในด้านบวก โดยภายหลังการอบรมจะใช้ระยะเวลา 1 เดือนในการประเมินผลการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมโดยได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการเขตการเดินรถติดตามประเมินผลว่า ผู้เข้าร่วมอบรมมีการปรับปรุงพฤติกรรม และการทำงานหรือไม่ ซึ่งผู้ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ขสมก.ก็จะมีรางวัลในการปฏิบัติงานให้ ส่วนผู้ที่ยังไม่มีการปรับปรุงอาจจะมีการเรียกมาจัดการอบรมเพิ่ม 1-2 ครั้ง และหากพบว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีอาจแสดงให้เห็นว่า พนักงานเหล่านี้ไม่เหมาะสมที่จะทำหน้าที่ดังกล่าว ก็จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหน้าที่ต่อไป
“ในส่วนของพนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสาร เป็นพนักงานกลุ่มใหญ่ที่จะต้องพบปะกับผู้โดยสารและประชาชนทั่วไป จึงเป็นเสมือนพนักงานขายขององค์กร ซึ่งหากพบว่าพนักงานขายมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม หรือเป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติคงต้องมีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่ในการทำงานต่อไป” นายพิเณศวร์ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างกิจการของ ขสมก.หลังจากกระทรวงการคลังได้ส่งสัญญาณว่า ขสมก.ควรมีการปรับลดขนาดลง ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า ความเห็นของกระทรวงการคลังสอดคล้องกับแผนงานของ ขสมก.อยู่แล้ว โดยได้มีการประเมินว่าปัจจุบัน ขสมก.มีขนาดองค์กรที่ใหญ่มีอัตรากำลังพนักงานมากกว่างานจริงประมาณ 4,000-5,000 คน จากพนักงานทั้งหมด 18,000 คน จึงจำเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่ของพนักงานบางส่วน รวมทั้งจัดทำโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด โดยขณะนี้ได้ทำความเข้าใจกับพนักงานส่วนใหญ่แล้ว ซึ่งก็เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว
ขณะที่การดำเนินการปรับเปลี่ยนหน้าที่ทำงานนั้น จะพุ่งเป้าไปที่พนักงานเก็บค่าโดยสาร ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 6,000 คน และหลังจากที่ ขสมก.นำระบบจำหน่ายตั๋วอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ พนักงานเหล่านี้จะถูกเปลี่ยนหน้าที่ไปทำในส่วนของงานประชาสัมพันธ์ให้คำแนะนำแก่ผู้โดยสารบนรถ สำหรับการใช้ตั๋วอิเล็กทรอนิกส์และบางส่วนจะปฏิบัติหน้าที่พนักงานรับโทรศัพท์ของศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของ ขสมก. ที่หมายเลข 184 ซึ่งขาดกำลังคนอยู่มาก โดยแผนการปรับลดพนักงานครั้งนี้ ขสมก.จะนำเสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อนำเข้าขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีภายในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ และจะเริ่มดำเนินการโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดเดือนตุลาคม
นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า หลังจาก ขสมก.ได้จัดสำรวจความคิดเห็นผู้โดยสารต่อการให้บริการของ ขสมก.พบว่าประชาชนต้องการให้มีการปรับปรุงงานใน 3 ส่วน อันดับแรก การขับรถของพนักงานขับรถที่ควรคำนึงถึงความปลอดภัยและมีมารยาทมากขึ้น 2.มารยาทพนักงานเก็บค่าโดยสารควรมีการปรับปรุง และ 3.ขอให้มีการปรับปรุงสภาพรถให้มั่นคงแข็งแรง ในวันนี้ (3 พ.ค.) ขสมก.จึงจัดได้มีการจัดอบรมให้พนักงานขับรถทั้ง ขสมก.และรถร่วมบริการ เพื่อให้ความรู้ทั้งการขับขี่อย่างปลอดภัย มารยาทที่ปฏิบัติต่อผู้โดยสาร รวมถึงบุคลิกภาพของพนักงานที่ปฏิบัติงาน
นายพิเณศวร์ กล่าวว่า การอบรมครั้งนี้ ขสมก.ตั้งเป้าหมายว่า จะสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ขับขี่ไปในด้านบวก โดยภายหลังการอบรมจะใช้ระยะเวลา 1 เดือนในการประเมินผลการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมโดยได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการเขตการเดินรถติดตามประเมินผลว่า ผู้เข้าร่วมอบรมมีการปรับปรุงพฤติกรรม และการทำงานหรือไม่ ซึ่งผู้ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ขสมก.ก็จะมีรางวัลในการปฏิบัติงานให้ ส่วนผู้ที่ยังไม่มีการปรับปรุงอาจจะมีการเรียกมาจัดการอบรมเพิ่ม 1-2 ครั้ง และหากพบว่ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีอาจแสดงให้เห็นว่า พนักงานเหล่านี้ไม่เหมาะสมที่จะทำหน้าที่ดังกล่าว ก็จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงหน้าที่ต่อไป
“ในส่วนของพนักงานขับรถและพนักงานเก็บค่าโดยสาร เป็นพนักงานกลุ่มใหญ่ที่จะต้องพบปะกับผู้โดยสารและประชาชนทั่วไป จึงเป็นเสมือนพนักงานขายขององค์กร ซึ่งหากพบว่าพนักงานขายมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม หรือเป็นบุคคลที่ขาดคุณสมบัติคงต้องมีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่ในการทำงานต่อไป” นายพิเณศวร์ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าในการปรับโครงสร้างกิจการของ ขสมก.หลังจากกระทรวงการคลังได้ส่งสัญญาณว่า ขสมก.ควรมีการปรับลดขนาดลง ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า ความเห็นของกระทรวงการคลังสอดคล้องกับแผนงานของ ขสมก.อยู่แล้ว โดยได้มีการประเมินว่าปัจจุบัน ขสมก.มีขนาดองค์กรที่ใหญ่มีอัตรากำลังพนักงานมากกว่างานจริงประมาณ 4,000-5,000 คน จากพนักงานทั้งหมด 18,000 คน จึงจำเป็นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่ของพนักงานบางส่วน รวมทั้งจัดทำโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด โดยขณะนี้ได้ทำความเข้าใจกับพนักงานส่วนใหญ่แล้ว ซึ่งก็เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว
ขณะที่การดำเนินการปรับเปลี่ยนหน้าที่ทำงานนั้น จะพุ่งเป้าไปที่พนักงานเก็บค่าโดยสาร ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 6,000 คน และหลังจากที่ ขสมก.นำระบบจำหน่ายตั๋วอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ พนักงานเหล่านี้จะถูกเปลี่ยนหน้าที่ไปทำในส่วนของงานประชาสัมพันธ์ให้คำแนะนำแก่ผู้โดยสารบนรถ สำหรับการใช้ตั๋วอิเล็กทรอนิกส์และบางส่วนจะปฏิบัติหน้าที่พนักงานรับโทรศัพท์ของศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของ ขสมก. ที่หมายเลข 184 ซึ่งขาดกำลังคนอยู่มาก โดยแผนการปรับลดพนักงานครั้งนี้ ขสมก.จะนำเสนอกระทรวงคมนาคมเพื่อนำเข้าขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีภายในเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมนี้ และจะเริ่มดำเนินการโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนดเดือนตุลาคม