xs
xsm
sm
md
lg

“เถ้าแก่น้อย” เล็งสู่แชมป์สาหร่าย เพิ่มผลิต-งบตลาดส่งซับแบรนด์ลุย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เถ้าแก่น้อย มุ่งมั่นสู่ที่หนึ่งตลาดสาหร่าย ทุ่มงบ 5 ล้านบาท เพิ่มกำลังผลิตอีก 15% พร้อมอัดงบตลาด 25 ล้านบาท ลุยเต็มที่ ส่งแบรนด์ใหม่ขยายฐานตลาดสิ้นปี

นายอิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู้ด แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เจ้าของสาหร่ายแบรนด์ เถ้าแก่น้อย เปิดเผยว่า บริษัทจะใช้งบประมาณ 4-5 ล้านบาท เพื่อขยายพื้นที่ของโรงงานเดิมออกไปอีก 200 ตร.ม.จากเดิมพื้นที่ของโรงงานมีประมาณ 2 ไร่ โดยคาดว่า การลงทุนครั้งนี้จะสามารถเพิ่มกำลังผลิตสาหร่ายได้เพิ่มขึ้น 15% โดยจะเสร็จสิ้นในเดือนพฤษภาคม 2550

ขณะที่แผนระยะยาวในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เตรียมลงทุนเพิ่มเติมอีก 20 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม พื้นที่ประมาณ 10 ไร่ เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทในอนาคต พร้อมกับในปีนี้บริษัทจะรุกทำตลาดทุกทาง เพื่อผลักดันให้แบรนด์ เถ้าแก่น้อยสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้เต็มที่ และขยายตลาดในวงกว้าง ทั้งนี้ บริษัทจะต้องก้าวขึ้นที่หนึ่งในตลาดสาหร่ายให้ได้โดยจะมีส่วนแบ่งตลาด 80% จากเดิมแชร์ที่มีส่วนแบ่งอยู่ 65% ให้ได้

ปัจจุบันตลาดรวมขนมสาหร่าย แบ่งเป็นกลุ่มหลักๆ คือ สาหร่ายในรูปแบบขนม มีประมาณ 70% หรือคิดเป็นมูลค่า 400 ล้านบาท ส่วนอีก 30% เป็นสาหร่ายที่ใช้ในการทำอาหาร ซึ่งสาหร่ายที่เป็นขนมทานเล่นมีอัตราการเติบโตอย่างดี เฉลี่ยแล้วโต 10% ต่อปีมาโดยตลอด และยังมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะว่ายังมีช่องว่างในการทำตลาดอยู่อีกมาก ซึ่งการเติบโตของตลาดสอดคล้องกับการเติบโตของบริษัทเช่นเดียวกัน เมื่อเปรียบเทียบตัวเลขการเติบโตของบริษัทจากปี 2549 โตขึ้นถึง 200 เท่า จากปี 2548

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มอบหมายให้ บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าไปยังทั่วประเทศ ทำให้มีช่องทางในการจำหน่ายเพิ่มขึ้น จากเดิมที่บริษัทจะเป็นผู้จำหน่ายเองในช่องทางที่เป็นโมเดิร์นเทรด และคอนวีเนียนสโตร์เท่านั้น ขณะที่แผนระยะยาวในอีก 2-3 ปีข้างหน้า

นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมออกผลิตภัณฑ์สาหร่ายแบบเส้นภายใต้แบรนด์ใหม่ “เด็กเส้น” เจาะกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มวัยรุ่นภายในสิ้นปีนี้ ล่าสุด บริษัทปรับแพกเกจจิ้งใหม่พร้อมกับส่ง เอ็กตาร์ชีส ซับแบรนด์ใหม่ในกลุ่มสาหร่ายอบ 3 รสชาติ ประกอบด้วย ซอสญี่ปุ่น ซอสกระเทียม เผ็ด เข้ามากระตุ้นตลาดเพิ่ม

สำหรับทิศทางการบุกตลาดเบื้องต้น บริษัทเตรียมใช้งบประมาณในการทำตลาด 25 ล้านบาท จากเดิมที่ใช้งบในการทำตลาดแต่ละปีประมาณ 10 ล้านบาท ด้านกลยุทธ์ที่จะสร้างความแตกต่างทางการตลาด (Differentiate Marketing) ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นการสร้างจุดแตกต่างที่เหนือคู่แข่ง ในเรื่องของคุณภาพกระบวนการและวัตถุดิบชูเรื่องคุณภาพเป็นตัวนำ พร้อมกันนี้ บริษัทจะมีการออกรสชาติใหม่มากระตุ้นตลาด

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตลาดต่างประเทศ บริษัทจะโฟกัสการทำตลาดเฉพาะตลาดหลักในประเทศที่มีกำไรและยอดขายดี เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง และอินโดนีเซีย เป็นต้น ขณะที่แนวโน้มการเติบโตของสแน็คประเภทสาหร่ายยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในสิ้นปีนี้จะยังเติบโตในระดับ 20-30% ใกล้เคียงกับการเติบโตในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น