คณะอนุกรรมการเหล็ก อนุมัติให้เพิ่มราคาจำหน่ายเหล็กชนิดแผ่นอีกกิโลกรัมละ 70 สตางค์ และเหล็กเส้นตันละ 1,000 บาท (หรือ กก.ละ 1 บาท) โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.นี้ ระบุผู้ประกอบการแบกรับต้นทุนอยู่มาก พร้อมสั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างใกล้ชิดไม่ให้มีการฉวยโอกาสปรับแพงเกินจริง
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังประชุมคณะอนุกรรมการเหล็ก ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมเหล็ก เมื่อวันที่ 27 เมษายน ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้เพิ่มราคาจำหน่ายเหล็กชนิดแผ่นอีกกิโลกรัมละ 70 สตางค์ และเหล็กชนิดเส้นตันละ 1,000 บาท (หรือ กก.ละ 1 บาท) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2550 เนื่องจากราคาวัตถุดิบเหล็กนำเข้าเพื่อการผลิตมีราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง และเพื่อป้องกันภาวะสินค้าขาดตลาดจากการที่ผู้ผลิตในประเทศหันผลิตเพื่อส่งออก เพราะได้ราคาขายที่สูงกว่าในประเทศ
“เดิมผู้ผลิตเหล็กในประเทศขอปรับเพิ่มราคาตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น กก.ละ 2 บาท แต่จากการพิจารณาของกรมฯ เห็นควรให้ปรับเพิ่มเพียงบางส่วนก่อน เพราะเชื่อว่ายังมีสต็อกเดิมอยู่มาก จากภาวะธุรกิจก่อสร้างที่ยังซบเซาอยู่ และไม่ให้กระทบต่อต้นทุนของสินค้าต่อเนื่อง ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างใกล้ชิดไม่ให้มีการฉวยโอกาส และกำชับผ่านสมาคมเหล็กให้ดูแลร้านค้าจำหน่ายให้เป็นไปตามกลไกราคาที่แท้จริง และไม่ควรสนับสนุนผลิตเพื่อส่งออก” นายศิริพล กล่าว
ทั้งนี้ ราคาแนะนำเหล็กที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศได้มีการติดตามราคามาโดยตลอด ตั้งแต่เดือนกันยายน 2549 โดยเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน ราคา กก.ละ 24.30 - 24.80 บาท ราคาใหม่เป็น กก.ละ 25.00 - 25.50 บาท เหล็กแผ่นรีดร้อน ราคา กก.ละ 25.30 - 26.30 บาท ราคาใหม่ กก.ละ 26 - 27 บาท เหล็กเส้นกลมขนาด 6 มม.ราคาตันละ 21,450 บาท ราคาใหม่ตันละ 22,450 บาท เหล็กเส้นข้ออ้อยขนาด 12 มม.ราคาตันละ 20,350 บาท ราคาใหม่ตันละ 21,350 บาท เป็นต้น ขณะที่ราคาวัตถุดิบเหล็กในตลาดโลกขยับราคาต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมีนาคม 2549 เช่น เศษเหล็กตันละ 280 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปัจจุบันราคาตันละ 360 - 380 ดอลลาร์สหรัฐฯ เหล็กแท่งยาวตันละ 410 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปัจจุบันราคา 570 - 605 ดอลลาร์สหรัฐฯ เหล็กแท่งแบนตันละ 460 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปัจจุบันราคา 570 - 580 ดอลลาร์สหรัฐฯ
นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังประชุมคณะอนุกรรมการเหล็ก ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมเหล็ก เมื่อวันที่ 27 เมษายน ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้เพิ่มราคาจำหน่ายเหล็กชนิดแผ่นอีกกิโลกรัมละ 70 สตางค์ และเหล็กชนิดเส้นตันละ 1,000 บาท (หรือ กก.ละ 1 บาท) โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2550 เนื่องจากราคาวัตถุดิบเหล็กนำเข้าเพื่อการผลิตมีราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง และเพื่อป้องกันภาวะสินค้าขาดตลาดจากการที่ผู้ผลิตในประเทศหันผลิตเพื่อส่งออก เพราะได้ราคาขายที่สูงกว่าในประเทศ
“เดิมผู้ผลิตเหล็กในประเทศขอปรับเพิ่มราคาตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น กก.ละ 2 บาท แต่จากการพิจารณาของกรมฯ เห็นควรให้ปรับเพิ่มเพียงบางส่วนก่อน เพราะเชื่อว่ายังมีสต็อกเดิมอยู่มาก จากภาวะธุรกิจก่อสร้างที่ยังซบเซาอยู่ และไม่ให้กระทบต่อต้นทุนของสินค้าต่อเนื่อง ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างใกล้ชิดไม่ให้มีการฉวยโอกาส และกำชับผ่านสมาคมเหล็กให้ดูแลร้านค้าจำหน่ายให้เป็นไปตามกลไกราคาที่แท้จริง และไม่ควรสนับสนุนผลิตเพื่อส่งออก” นายศิริพล กล่าว
ทั้งนี้ ราคาแนะนำเหล็กที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศได้มีการติดตามราคามาโดยตลอด ตั้งแต่เดือนกันยายน 2549 โดยเหล็กแผ่นรีดร้อนชนิดม้วน ราคา กก.ละ 24.30 - 24.80 บาท ราคาใหม่เป็น กก.ละ 25.00 - 25.50 บาท เหล็กแผ่นรีดร้อน ราคา กก.ละ 25.30 - 26.30 บาท ราคาใหม่ กก.ละ 26 - 27 บาท เหล็กเส้นกลมขนาด 6 มม.ราคาตันละ 21,450 บาท ราคาใหม่ตันละ 22,450 บาท เหล็กเส้นข้ออ้อยขนาด 12 มม.ราคาตันละ 20,350 บาท ราคาใหม่ตันละ 21,350 บาท เป็นต้น ขณะที่ราคาวัตถุดิบเหล็กในตลาดโลกขยับราคาต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมีนาคม 2549 เช่น เศษเหล็กตันละ 280 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปัจจุบันราคาตันละ 360 - 380 ดอลลาร์สหรัฐฯ เหล็กแท่งยาวตันละ 410 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปัจจุบันราคา 570 - 605 ดอลลาร์สหรัฐฯ เหล็กแท่งแบนตันละ 460 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปัจจุบันราคา 570 - 580 ดอลลาร์สหรัฐฯ