xs
xsm
sm
md
lg

ก.พลังงานเดินหน้าส่งเสริมใช้แก๊สโซฮอล์อย่างต่อเนื่อง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เดินหน้าส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์เพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านลิตรต่อวัน เพื่อแก้ปัญหาเอทานอลล้นตลาด พร้อมตั้งเป้าเพิ่มการใช้เป็น 20 ล้านลิตรต่อวันภายในปี 2554 ขณะเดียวกัน คุมเข้มร้านจำหน่ายก๊าซหุงต้มเกิดใหม่ ต้องเป็นอาคารเอกเทศ ไม่อยู่ในตึกแถวเพื่อลดอุบัติเหตุ
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า เพื่อต่อยอดผลงานในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา จะเน้นส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์ เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำมันแพง จากเดิมที่ใช้อยู่ 3.3 ล้านลิตรต่อวัน และปัจจุบันได้เพิ่มเป็น 4 ล้านลิตรต่อวัน และเพื่อแก้ปัญหาวัตถุดิบ (เอทานอล) ล้นตลาด และตั้งเป้าหมายจะเพิ่มการใช้เป็น 20 ล้านลิตรต่อวัน ภายในปี 2554 โดยยังคงกลไกด้านราคาที่มีราคาต่ำกว่าน้ำมันเบนซิน 95 อยู่ 2.50 บาทต่อลิตร และการบังคับให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วปกติต้องผสมไบโอดีเซล B100 ระดับร้อยละ 2 หรือ B2 ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 51 เป็นต้นไป เพื่อกระตุ้นการใช้ไบโอดีเซล B100 จากปัจจุบันที่ใช้อยู่ 42,000 ลิตร เพิ่มเป็น 1 ล้านลิตรต่อวัน

สำหรับการบริหารหนี้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ได้ลดหนี้สินสุทธิกองทุน จาก 50,407 ล้านบาท ณ วันที่ 30 ก.ย.2549 เหลือประมาณ 27,500 ล้านบาท ในปัจจุบัน และคาดว่า จะสามารถชำระหนี้ได้หมดภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 หลังจากนั้น จะให้ราคาน้ำมันลดลงมาสามารถสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง สำหรับการคำนวณค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ หรือค่าเอฟทีในงวดต่อไป (มิ.ย.- ก.ย.50) กระทรวงพลังงานจะกำกับดูแลอย่างเป็นธรรม เพราะช่วงที่ผ่านมา ค่าเอฟทีในรอบปัจจุบัน (ก.พ.- พ.ค.50) สามารถปรับลดลงได้ 5 สตางค์ต่อหน่วย

โดยกระทรวงพลังงานจะเร่งออกการกำหนดมาตรฐานการใช้พลังงานสำหรับเครื่องจักรอุปกรณ์ วัสดุ อุปกรณ์ ประหยัดพลังงาน การจ่ายฉลากเบอร์ 5 ให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า จำนวน 8 ชนิด (ตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ บัลลาสต์ พัดลม หม้อหุงข้าว หลอดตะเกียบ โคมไฟฟ้า) รวมทั้งการส่งเสริมการใช้หลอดตะเกียบทั่วประเทศแทน หลอดไส้ที่อยู่ประมาณ 30 ล้านหลอดทั่วประเทศ ภายในเดือนธันวาคม 2551 โดยตั้งเป้าประหยัดไฟฟ้าได้ปีละ 1,000 ล้านบาท รวมถึงการส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน ให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3

รวมถึงการออกกฎกระทรวงควบคุมไอน้ำมันเชื้อเพลิง บังคับให้ผู้ค้าน้ำมันต้องควบคุมก๊าซไฮโดรคาร์บอนที่เกิดจากการระเหยของน้ำมันเบนซิน ระหว่างการถ่ายเทน้ำมันตั้งแต่คลังน้ำมัน สถานีบริการ และรถขนส่งน้ำมัน โดยต้องติดตั้งระบบควบคุมป้องกันการกระจายของไอน้ำมันไปสู่อากาศ หรือ VRU เพื่อลดอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมในชุมชนใกล้เคียงสถานีบริการน้ำมัน ซึ่งได้บังคับในเขต กทม. สมุทรปราการ นนทบุรี และปทุมธานี และได้เพิ่มอีก 7 จังหวัดที่มีการก่อไอน้ำมันมาก ได้แก่ ชลบุรี ระยอง สระบุรี พระนครศรีอยุธยา สมุทรสาคร สุราษฎร์ธานี และสงขลา

ตลอดจนการออกประกาศในเรื่องความปลอดภัยของประชาชน ได้แก่ การออกประกาศเรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการเก็บรักษา การขนส่ง การกำหนดบุคลากรที่รับผิดชอบ วัตถุอันตรายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) สาระสำคัญ คือ การกำหนดให้ร้านจำหน่ายก๊าซหุงต้มที่เกิดขึ้นใหม่ ต้องเป็นอาคารเอกเทศ ไม่อยู่ในตึกแถว ห้องแถว และกำหนดลักษณะรถขนส่งก๊าซหุงต้ม ต้องมีความปลอดภัยสูงเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
กำลังโหลดความคิดเห็น