xs
xsm
sm
md
lg

ศึกชิงกำลังซื้อสู้กันมันหยด โอกิลวี่ผุดธุรกิจดูแลถึงจุดขาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศึกการตัดสินใจซื้อ ณ จุดขาย ช่องทางโมเดิร์นเทรดรุนแรง โอกิลวี่ ผุด “โอกิลวี่แอ็คชั่น” ดูแลด้านการสื่อสารทางการตลาดแบบ Through-the-line ชูโมเดล การตลาดใหม่ภายใต้ชื่อ “The Last Mile” ดึงผู้บริโภคให้ตัดสินใจซื้อ ณ จุดขาย เผยลูกค้าเริ่มใช้กลยุทธ์ดังกล่าวแล้วหลายรายได้ผลดี เตรียมเดินหน้าทำตลาดต่อเนื่อง มั่นใจสิ้นปีมีรายได้เติบโตขึ้น 125% จากปีก่อน

นายมิชท์ เวบเบอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอกิลวี่แอ็คชั่น จำกัด เปิดเผยว่า การทำตลาดในประเทศไทย เมื่อเปรียบเทียบในหลายๆ ประเทศทั่วโลกแล้ว ถือว่ามีการแข่งขันที่รุนแรงมาก ขณะเดียวกัน กลยุทธ์ทางด้านราคาถือเป็นหัวใจสำคัญที่นำมาใช้ในการสร้างยอดขาย ขณะที่รูปแบบการทำตลาดนั้น มีหลากหลายวิธี โดยเฉพาะในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแบบนี้ เจ้าของสินค้าจึงต้องค้นหากลยุทธ์การตลาดแบบใหม่ เพื่อจูงใจลูกค้า

โดยในส่วนของงบการตลาดนั้น ปีนี้ส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับการทำการตลาดแบบบีโลว์ เดอะ ไลน์ มากกว่า อะโบฟ เดอะ ไลน์ ทั้งนี้ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ชัดเจนและตรงจุดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดอีเวนต์ กิจกรรมการ ณ จุดขายต่างๆ โดยเฉพาะในส่วนของโมเดิร์นเทรด จะพบว่ามีมากขึ้น

“ถึงแม้เจ้าของสินค้าให้ความสำคัญกับการทำตลาดในทุกช่องทางแล้วก็ตาม แต่ทางบริษัทพบว่า ที่ผ่านมา การทำตลาด ณ จุดขาย หรือการจูงใจลูกค้าให้ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของเราในวินาทีสุดท้าย ณ จุดขายนั้น กลับไม่มี ทั้งที่ช่วงเวลาดังกล่าว ถือเป็นช่องทางที่สำคัญที่สุดในการที่จะได้ยอดขายเพิ่มขึ้นจากลูกค้า”

ดังนั้น ทางบริษัทจึงได้วิจัยและพัฒนาที่จะช่วยให้เจ้าของสินค้าเข้าถึงผู้บริโภคได้ ณ จุดขาย ดังกล่าว ผ่านโมเดลการทำตลาด ชื่อว่า “The Last Mile” ขึ้นมา โดยมี 3 บริการหลัก คือ 1. ฟาสต์แทรก เป็นกระบวนการที่จะช่วยให้เจ้าของสินค้าสามารถกำหนดวิธีและรูปแบบการสื่อสารที่จะเข้าถึงผู้บริโภคได้แบบตรงใจและจูงใจให้หันมาซื้อสินค้าของตน 2.มาร์เก็ตพลัส เป็นเครื่องมือ หรือโปรแกรมที่ช่วยให้เจ้าของสินค้าเข้าใจถึงปัญหา และโอกาสในการขาย ณ จุดขาย รวมถึงข้อมูลที่สำคัญๆ ที่จะช่วยในการตัดสินใจใช้กลยุทธ์การทำตลาดที่ดีที่สุด ณ จุดขายได้ ผ่านการรีเสิร์ตของเจ้าหน้าที่ของบริษัท

และ 3.แอคทิเวชั่น เป็นบริการด้านการสื่อสารการตลาด ที่บริษัทนำมาเสนอแล้วระยะหนึ่ง ตั้งแต่เริ่มเปิดตัวบริษัทมาตั้งแต่กุมภาพันธ์ในปีที่ผ่านมา ทั้งในไทยและทั่วโลก โดยเน้นกิจกรรมหรือการจัดงานที่จะช่วยให้เจ้าของสินค้าเป็นที่รู้จักและมีความแข็งแกร่งขึ้น

“The Last Mile” ถือเป็นโมเดลที่พัฒนาขึ้นมาสำหรับธุรกิจไทยโดยเฉพาะ โดยเริ่มจากบริการแอคทิเวชั่นก่อน และเมื่อรวมอีก 2 บริการ จะเป็นบริการที่จะต่อยอดเพื่อนำไปให้บริการในประเทศต่างๆ ทั่วโลกต่อไปนั้นเอง

โดยทางบริษัทได้เริ่มนำเสนอบริการนี้อย่างเป็นทางการ มาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2550 กับเจ้าของสินค้าแล้วหลายบริษัท ไม่ว่าจะเป็น ยูนิลีเวอร์, โคคาโคลา, โมโตโรล่า, เนสท์เล่, บุญรอด รวมถึงสินค้ารายย่อย ที่ชื่อ “ดริ้งกี้” เครื่องแก้อาการเมา แล้ว ปรากฏว่า มีเจ้าของสินค้าประมาณ 3 บริษัทที่พอใจกับโมเดล การทำตลาดใหม่นี้ โดยสามารถช่วยในเรื่องของยอดขาย ณ จุดขาย โดยเฉพาะในช่องทางโมเดิร์นเทรด เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ทั้งนี้ ทางบริษัทจึงมีความมั่นใจว่าโมเดลดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากเจ้าของสินค้าในไทยอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่า ณ เวลานี้ จะยังไม่สามารถสรุปได้ว่า งบการตลาดที่เจ้าของสินค้าใช้นั้น จะใช้ลดลงหรือไม่ แต่สามารถบอกได้อย่างหนึ่งว่า ขณะที่เจ้าของสินค้าส่วนใหญ่ กำลังให้ความสำคัญกับการทำตลาดรูปแบบบีโลว์เดอะไลน์มากขึ้น เริ่มนำงบตลาดจากอะโบฟเดอะไลน์มาใช้ในส่วนของบีโลว์เดอะไลน์อย่างน้อย 20-25% บ้างแล้ว โดยเฉพาะยอดขายในช่องทางที่สำคัญที่สุด ณ ช่วงเวลาในการตัดสินใจซื้อนั้นเอง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 3-4 ทางบริษัทเตรียมที่จะเปิดตัวโมเดลในลักษณะดังกล่าว สำหรับการทำตลาด ณ จุดขาย ที่เรียกว่า ร้านโชว์ห่วยต่อไปด้วย คาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยมั่นใจว่าสิ้นปีนี้ จะมีรายได้เติบโตจากปีที่ผ่านถึง 125%

ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัท โอกิลวี่แอ็คชั่น จำกัด เพิ่งเปิดตัวมาได้ 1 ปี ตั้งแต่ กุมภาพันธ์ 2549 โดยเริ่มสร้างรายได้มาบ้างในช่วงไตรมา4 ของปีที่ผ่านมา ดังนั้นรายได้ในปีนี้ จึงค่อยข้างเป็นรายได้ที่ก้าวกระโดดนั้นเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น