ขสมก.เตรียมล้อมคอก!! หลังเกิดเหตุการณ์คนขับรถตู้สาธารณะข่มขืนผู้โดยสาร โดยสั่งให้เจ้าหน้าที่สายตรวจลอกฟิล์มรถตู้ทั้งหมด และให้เปิดไฟในรถตลอดเวลาที่วิ่งรับส่งผู้โดยสาร พร้อมขู่หากพบว่าพฤติกรรมดังกล่าวจะถูกเพิกถอนสัญญาการเดินรถทันที
นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยถึงมาตรการดูแลผู้โดยสารที่ใช้บริการรถตู้สาธารณะ หลังเกิดเหตุคนขับรถตู้ข่มขืนผู้โดยสาร ว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สายตรวจลอกฟิล์มรถตู้ทั้งหมดและให้คนขับรถตู้เปิดไฟในรถตลอดเวลาในช่วงที่วิ่งรับส่งผู้โดยสาร รวมทั้งให้ติดป้ายชื่อคนขับและเลขทะเบียนรถบริเวณเบาะที่นั่งผู้โดยสารที่ใกล้กับคนขับ เพื่อให้ประชาชนที่ใช้บริการเห็นข้อมูลได้ชัดเจน ซึ่งถ้าเจ้าของรถตู้ฝ่าฝืนไม่ยอมลอกฟิล์มดำออกจากรถตู้จะไม่สามารถวิ่งให้บริการรับส่งผู้โดยสารได้และถ้าตรวจพบจะต้องถูกเพิกถอนสัญญาการเดินรถกับ ขสมก.ทันที
ทั้งนี้ ในปัจจุบันรถตู้ปรับอากาศที่วิ่งรับส่งผู้โดยสารมีประมาณ 116 เส้นทาง หรือประมาณ 6,641 คัน ส่วนรถตู้ที่วิ่งให้บริการเชื่อมต่อสนามบินสุวรรณภูมิมี 10 เส้นทาง ประมาณ 550 คัน และรถตู้ที่วิ่งบนทางด่วนมี 7 เส้นทาง จำนวน 550 คัน โดยรถตู้ที่ให้บริการเชื่อมต่อสนามบินสุวรรณภูมิและทางด่วนในขณะนี้ถือได้ว่าเป็นรถตู้ที่มีคุณภาพมาตรฐานใช้ก๊าซเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิง ส่วนรถตู้ปรับอากาศทั่วไปมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใช้ก๊าซเอ็นจีวีเพียง 54 คัน ที่เหลือจำนวน 6,587 คัน ยังไม่ได้เปลี่ยนเครื่องยนต์
ดังนั้น ขสมก. มีแผนที่จะดึงรถตู้และรถร่วม ขสมก. เข้ามาติดตั้งอุปกรณ์เอ็นจีวี เพราะบริษัท ปตท. พร้อมสนับสนุนวงเงินการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นก๊าซเอ็นจีวีจำนวน 2,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวจะต้องประชุมหารือกันเพื่อหาได้ข้อสรุปอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้
นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยถึงมาตรการดูแลผู้โดยสารที่ใช้บริการรถตู้สาธารณะ หลังเกิดเหตุคนขับรถตู้ข่มขืนผู้โดยสาร ว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สายตรวจลอกฟิล์มรถตู้ทั้งหมดและให้คนขับรถตู้เปิดไฟในรถตลอดเวลาในช่วงที่วิ่งรับส่งผู้โดยสาร รวมทั้งให้ติดป้ายชื่อคนขับและเลขทะเบียนรถบริเวณเบาะที่นั่งผู้โดยสารที่ใกล้กับคนขับ เพื่อให้ประชาชนที่ใช้บริการเห็นข้อมูลได้ชัดเจน ซึ่งถ้าเจ้าของรถตู้ฝ่าฝืนไม่ยอมลอกฟิล์มดำออกจากรถตู้จะไม่สามารถวิ่งให้บริการรับส่งผู้โดยสารได้และถ้าตรวจพบจะต้องถูกเพิกถอนสัญญาการเดินรถกับ ขสมก.ทันที
ทั้งนี้ ในปัจจุบันรถตู้ปรับอากาศที่วิ่งรับส่งผู้โดยสารมีประมาณ 116 เส้นทาง หรือประมาณ 6,641 คัน ส่วนรถตู้ที่วิ่งให้บริการเชื่อมต่อสนามบินสุวรรณภูมิมี 10 เส้นทาง ประมาณ 550 คัน และรถตู้ที่วิ่งบนทางด่วนมี 7 เส้นทาง จำนวน 550 คัน โดยรถตู้ที่ให้บริการเชื่อมต่อสนามบินสุวรรณภูมิและทางด่วนในขณะนี้ถือได้ว่าเป็นรถตู้ที่มีคุณภาพมาตรฐานใช้ก๊าซเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิง ส่วนรถตู้ปรับอากาศทั่วไปมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใช้ก๊าซเอ็นจีวีเพียง 54 คัน ที่เหลือจำนวน 6,587 คัน ยังไม่ได้เปลี่ยนเครื่องยนต์
ดังนั้น ขสมก. มีแผนที่จะดึงรถตู้และรถร่วม ขสมก. เข้ามาติดตั้งอุปกรณ์เอ็นจีวี เพราะบริษัท ปตท. พร้อมสนับสนุนวงเงินการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นก๊าซเอ็นจีวีจำนวน 2,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวจะต้องประชุมหารือกันเพื่อหาได้ข้อสรุปอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้