อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผยว่า ในการประชุมรัฐมนตรีการค้าและการเกษตรของประเทศสมาชิกกลุ่มเครนส์ ผอ.ดับเบิลยูทีโอ เรียกร้องให้ทุกประเทศกลับมาเริ่มกระบวนการเจรจาในระดับพหุภาคีอีกครั้ง หลังจากหยุดชะงักมาเป็นเวลานาน ขณะที่ผู้แทนอียูหวังเห็นการเจรจาการเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรมและการค้าบริการเดินหน้าไปพร้อมกับสินค้าเกษตร
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงการประชุมระหว่างรัฐมนตรีการค้าและการเกษตรของประเทศสมาชิกกลุ่มเครนส์ ว่า การประชุมครั้งนี้จัดที่เมืองละฮอร์ ประเทศปากีสถาน มี นายปาสคาล ลามี ผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ผู้แทนสหภาพยุโรป (อียู) สหรัฐฯ และญี่ปุ่น เข้าร่วมหารือ โดย นายลามี กล่าวว่า ต้องการให้ประเทศสมาชิกเริ่มกระบวนการเจรจาหลายฝ่ายใหม่ หลังหยุดชะงักมานาน นอกจากนี้ ยังมีประเด็นสำคัญอื่นๆ คือ การต่ออายุ TPA (Trade Promotion Authority) ของสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้มีโอกาสเพียงร้อยละ 20 แต่หากดับเบิลยูทีโอสามารถสรุปการเจรจาที่มีข้อเสนอที่ดี ก็อาจทำให้มีโอกาสต่อ TPA ได้ถึงร้อยละ 70 โดยทั่วไปบรรยากาศการเมืองทั้งของสหรัฐฯและอียูในขณะนี้ ยังเอื้อให้สามารถเจรจาต่อได้ ซึ่งสมาชิกจำเป็นจะต้องสรุปผลการเจรจาให้ได้ในปีนี้
นางสาวชุติมา กล่าวว่า Mr.Peter Balas ผู้แทนอียู ต้องการเห็นผลการเจรจาสินค้าเกษตรที่ก่อให้เกิดการค้าได้จริง และลดการอุดหนุนการผลิตลงให้มากที่สุด โดยอียูรับข้อเสนอของกลุ่ม G20 ในเรื่องการเปิดตลาด การลดการอุดหนุนภายใน และการยกเลิกการอุดหนุนส่งออก ซึ่งหากสหรัฐฯลดการอุดหนุนภายในจนถึงระดับที่มีการใช้จริง และยอมรับกฎเกณฑ์เรื่องสินเชื่อเพื่อการส่งออก ก็จะทำให้บรรยากาศการค้าสินค้าเกษตรของโลกดีขึ้น ทั้งยังต้องการให้ทั้งประเทศพัฒนาแล้ว และประเทศกำลังพัฒนา มีส่วนร่วมในการเจรจามากขึ้น โดยอียูต้องการให้การเจรจาการเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรมและการค้าบริการมีความคืบหน้าไปพร้อมๆ กับการเจรจาสินค้าเกษตร
สำหรับผู้แทนสหรัฐฯ เห็นว่า ประเด็นหลักของการเจรจา คือ เรื่องการลดภาษีสินค้าเกษตรและการอุดหนุนภายใน ซึ่งการลดภาษีสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมยังคงมีช่องว่างมาก สมาชิกต้องแก้ไขปัญหาเรื่องสินค้าเกษตรที่อ่อนไหวให้เร็วที่สุด การลดภาษีที่น้อยกว่าสูตรปกติมากเท่าใด ก็จะต้องชดเชยด้วยการเปิดโควตาภาษีมากเท่านั้น พร้อมต้องการให้สินค้าพิเศษ (Special Product) และมาตรการปกป้องพิเศษของสินค้าเกษตรเป็นเพียงมาตรการชั่วคราว
สำหรับผู้แทนฝ่ายญี่ปุ่น ยืนยันว่า ญี่ปุ่นสนับสนุนให้สมาชิกกลับมาเจรจาในระดับหลายฝ่ายโดยเร็ว ทั้งนี้ ญี่ปุ่นพร้อมจะมีความยืดหยุ่นในการเปิดตลาดสินค้าเกษตร แต่จะต้องมีความสมดุลกับการเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรมและบริการด้วย และผลการเจรจาจะต้องสะท้อนถึงความต้องการของทุกฝ่าย โดยกลุ่ม G10 (กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่ไม่ต้องการเปิดตลาดสินค้าเกษตร) อยู่ระหว่างการหาแนวทางเพื่อสนองความต้องการของประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตร และเห็นว่า ควรมีการหารือระหว่างกลุ่ม G10 และกลุ่มเครนส์ เพื่อหาทางออกร่วมกัน
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงการประชุมระหว่างรัฐมนตรีการค้าและการเกษตรของประเทศสมาชิกกลุ่มเครนส์ ว่า การประชุมครั้งนี้จัดที่เมืองละฮอร์ ประเทศปากีสถาน มี นายปาสคาล ลามี ผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) ผู้แทนสหภาพยุโรป (อียู) สหรัฐฯ และญี่ปุ่น เข้าร่วมหารือ โดย นายลามี กล่าวว่า ต้องการให้ประเทศสมาชิกเริ่มกระบวนการเจรจาหลายฝ่ายใหม่ หลังหยุดชะงักมานาน นอกจากนี้ ยังมีประเด็นสำคัญอื่นๆ คือ การต่ออายุ TPA (Trade Promotion Authority) ของสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้มีโอกาสเพียงร้อยละ 20 แต่หากดับเบิลยูทีโอสามารถสรุปการเจรจาที่มีข้อเสนอที่ดี ก็อาจทำให้มีโอกาสต่อ TPA ได้ถึงร้อยละ 70 โดยทั่วไปบรรยากาศการเมืองทั้งของสหรัฐฯและอียูในขณะนี้ ยังเอื้อให้สามารถเจรจาต่อได้ ซึ่งสมาชิกจำเป็นจะต้องสรุปผลการเจรจาให้ได้ในปีนี้
นางสาวชุติมา กล่าวว่า Mr.Peter Balas ผู้แทนอียู ต้องการเห็นผลการเจรจาสินค้าเกษตรที่ก่อให้เกิดการค้าได้จริง และลดการอุดหนุนการผลิตลงให้มากที่สุด โดยอียูรับข้อเสนอของกลุ่ม G20 ในเรื่องการเปิดตลาด การลดการอุดหนุนภายใน และการยกเลิกการอุดหนุนส่งออก ซึ่งหากสหรัฐฯลดการอุดหนุนภายในจนถึงระดับที่มีการใช้จริง และยอมรับกฎเกณฑ์เรื่องสินเชื่อเพื่อการส่งออก ก็จะทำให้บรรยากาศการค้าสินค้าเกษตรของโลกดีขึ้น ทั้งยังต้องการให้ทั้งประเทศพัฒนาแล้ว และประเทศกำลังพัฒนา มีส่วนร่วมในการเจรจามากขึ้น โดยอียูต้องการให้การเจรจาการเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรมและการค้าบริการมีความคืบหน้าไปพร้อมๆ กับการเจรจาสินค้าเกษตร
สำหรับผู้แทนสหรัฐฯ เห็นว่า ประเด็นหลักของการเจรจา คือ เรื่องการลดภาษีสินค้าเกษตรและการอุดหนุนภายใน ซึ่งการลดภาษีสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมยังคงมีช่องว่างมาก สมาชิกต้องแก้ไขปัญหาเรื่องสินค้าเกษตรที่อ่อนไหวให้เร็วที่สุด การลดภาษีที่น้อยกว่าสูตรปกติมากเท่าใด ก็จะต้องชดเชยด้วยการเปิดโควตาภาษีมากเท่านั้น พร้อมต้องการให้สินค้าพิเศษ (Special Product) และมาตรการปกป้องพิเศษของสินค้าเกษตรเป็นเพียงมาตรการชั่วคราว
สำหรับผู้แทนฝ่ายญี่ปุ่น ยืนยันว่า ญี่ปุ่นสนับสนุนให้สมาชิกกลับมาเจรจาในระดับหลายฝ่ายโดยเร็ว ทั้งนี้ ญี่ปุ่นพร้อมจะมีความยืดหยุ่นในการเปิดตลาดสินค้าเกษตร แต่จะต้องมีความสมดุลกับการเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรมและบริการด้วย และผลการเจรจาจะต้องสะท้อนถึงความต้องการของทุกฝ่าย โดยกลุ่ม G10 (กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่ไม่ต้องการเปิดตลาดสินค้าเกษตร) อยู่ระหว่างการหาแนวทางเพื่อสนองความต้องการของประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตร และเห็นว่า ควรมีการหารือระหว่างกลุ่ม G10 และกลุ่มเครนส์ เพื่อหาทางออกร่วมกัน