xs
xsm
sm
md
lg

อาร์เอส ผนึก “เนสท์เล่-ยามาฮ่า-เซเว่น” งัด “สตอรี่บอร์ดเพลสเม้นท์” ลุยตลาดหนัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“อาร์เอส” ผนึก “เนสท์เล่-ยามาฮ่า-เซเว่นอีเลฟเว่น” 3 ยักษ์ใหญ่เป็นพันธมิตรหลักทางธุรกิจ งัดกลยุทธ์รูปแบบใหม่ “สตอรี่บอร์ด เพลสเม้นท์” ร่วมผลิตและทำตลาดหนังรักโรแมนติกเรื่อง “รักนะ 24 ชั่วโมง” เผย ทุ่มงบผลิต 20 ล้าน ขณะที่เทงบทำตลาดเต็มสูบ 30 ล้าน มั่นใจโกยรายได้ไม่ต่ำกว่า 70 ล้าน
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า บริษัทได้จับมือกับบริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด และ บริษัท ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) หรือ CP7-11 เป็นพันธมิตรหลักทางธุรกิจ (sponsor) ใช้กลยุทธ์การตลาดรูปแบบใหม่ “สตอรี่บอร์ด เพลสเม้นท์ (Storyboard Placement)” เพื่อร่วมผลิตและทำตลาดในภาพยนตร์แนวรักโรแมนติกเรื่องรักนะ 24 ชั่วโมง

โดยการใช้กลยุทธ์ข้างต้นถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ครั้งแรกให้กับวงการภาพยนตร์ไทย ซึ่งไม่ใช่แค่การ ไท-อิน (tie-in) ทั่วไป ที่นิยมนำสินค้าเข้ามาวางเป็นประดับฉาก หรือให้ดารานักแสดงถือเข้าแต่ละฉากเท่านั้น หากแต่เป็นการเปิดโอกาสให้พันธมิตรหลักทางธุรกิจ เข้ามามีส่วนร่วมในการทำงานกับทีมผู้สร้างตั้งแต่วันแรกที่เริ่มวางพล็อตเรื่อง เพื่อให้สอดรับกับแคมเปญทางการตลาดของสินค้านั้นๆ ที่จะจัดขึ้นในช่วงเวลาที่ภาพยนตร์เข้าฉายในโรง

“อาร์เอสเป็นผู้นำพล็อตเรื่องไปเสนอให้กับสปอนเซอร์ ว่า จะมีการวางสินค้าเข้าไปในหนังในลักษณะไม่ยัดเยียดสินค้าให้กับผู้ชม ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกับผู้บริโภคสินค้านั้นๆ จนเกินไป เพราะมีการสร้างสถานการณ์ให้เนื้อเรื่องดำเนินแบบเกี่ยวเนื่องระหว่างสินค้ากับตัวละครได้อย่างลงตัว เช่น เรามีเซเว่น เป็น 1 ในสปอนเซอร์ ก็มีการผูกเรื่องให้พระเอกและนางเอกเป็นพนักงานของเซเว่น พบรักกันในที่ทำงาน” นายสุรชัย กล่าว

ขณะที่บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด เตรียมจัดแคมเปญ “รักนะ 24 ชั่วโมง ล้านนี้เพื่อเธอ” ซึ่งเป็นหนึ่งใน Gimmick ของภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว เพื่อคืนกำไรให้กับลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์เนสกาแฟทุกประเภท ส่งซองมาร่วมชิงโชคทองคำมูลค่า 1 ล้านบาท ระหว่างเดือนกรกฎาคม จนถึงตุลาคม 2550 ขณะที่บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เตรียมจัดแคมเปญ “รวมพลคนรักฟีโน่” เพื่อคืนกำไรให้กับลูกค้าที่ขับขี่ยามาฮ่า ฟีโน่ตามหัวเมืองใหญ่ทั้ง 4 ภาคทั่วไทย ได้มีส่วนร่วมเข้าชมภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ตลอดจนเตรียมจัดงานประมูลยามาฮ่า ฟีโน่คันเดียวกับที่ ฟิล์ม-รัฐภูมิ ซึ่งเป็นพระเอกใช้ขับขี่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เพื่อบริจาคเงินเป็นการกุศล

ทั้งนี้ ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวใช้งบผลิต 20 ล้านบาท และงบทำตลาด 30 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะมีรายได้เฉพาะจากบ็อกซ์ ออฟฟิศ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลไม่ต่ำกว่า 70 ล้านบาท ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนังเรื่องที่ 3 ของปีนี้ ซึ่งจะเข้าฉายในโรงตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2550 ตามแผนดำเนินธุรกิจของอาร์เอสฟิล์ม ที่เน้นลงทุนร่วมผลิตและทำตลาดเชิงรุกกับพันธมิตร ภายใต้งบการผลิตไม่เกิน 20 ล้านบาทต่อเรื่อง เพื่อปิดประตูขาดทุนพร้อมรับรู้กำไรตั้งแต่ตั๋วใบแรก
กำลังโหลดความคิดเห็น