เบทาโกร ปรับแผนธุรกิจ ชู ระบบบริหารจัดการทีพีเอ็ม เครื่องมือลดต้นทุน และวางรากฐานการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทุ่มงบ 2,500 ล้านบาท เปิดโรงงาน 2 แห่ง สิ้นปีตั้งเป้ายอดขายโต 15% หรือเพิ่มเป็น 34,500 ล้านบาท
นายวนัส แต้ไพสิฐพงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือเบทาโกร เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับปรุงแนวทางการบริหาร และการทำให้มีระบบ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเน้นการวางแผนงานที่ชัดเจนสามารถติดตามและตรวจสอบได้ตลอดเวลา ภายใต้เครื่องมือการบริหาร TPm (Total Priductivity managerment) ซึ่งเป็นระบบงานที่สามารถเชื่อมโยงกับแผนงานและความพยายามในการปรับปรุงงานทุกอย่างของทุกคน และรวมทุกหน่วยงานของบริษัทเข้าเป็นภาพเดียวกัน สะท้อนผลงานของแต่ละหน่วยงานเป็นผลประกอบการขั้นสุดท้าย
“ทีพีเอ็มได้นำมาใช้ในโรงงานแปรรูปและผลิตเนื้อไก่สด เนื้อไก่แช่แข็ง และโรงงานผลิตภัณฑ์อาหารปรุงสุกจากเนื้อไก่ของบริษัท บีเอฟไอ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปีที่ผ่านมา และในปีนี้เริ่มนำมาประยุกต์ใช้ในบริษัทอื่นๆ ในเครืออย่างจริงจัง โดยเน้นความเหมาะสมกับด้านทรัพยากร บุคลากร และโครงสร้างองค์กร และความจำเป็นตามสถานการณ์ธุรกิจปัจจุบัน”
ส่วนแผนการลงทุนในสายธุรกิจต่างๆ เบทาโกรมีนโยบายที่จะสร้างโรงงานอาหารสัตว์ในสายธุรกิจภูมิภาคและธุรกิจอาหารสัตว์อีก 1 แห่ง ที่ จ.นครราชสีมา ด้วยกำลังการผลิต 3 หมื่นตันต่อปี ด้วยงบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า จะแล้วเสร็จปี 2551 และโรงงานไก่ปรุงสุกที่ จ.ลพบุรี ด้วยกำลังการผลิต 3 หมื่นตันต่อปี ด้วยงบลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท
และขยายโรงงานแปรรูป และตัดแต่งเนื้อสุกร จาก 1,200 ตัวต่อวัน เป็น 2,000 ตัวต่อวัน เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจส่งออกหมูปรุงสุก คาดว่า โครงการจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม นี้ ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้ามียอดขายเติบโต 15% หรือเพิ่มขึ้นจาก 3 หมื่นล้านบาท เป็น 34,500 ล้านบาท
นายวนัส แต้ไพสิฐพงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เครือเบทาโกร เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับปรุงแนวทางการบริหาร และการทำให้มีระบบ และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเน้นการวางแผนงานที่ชัดเจนสามารถติดตามและตรวจสอบได้ตลอดเวลา ภายใต้เครื่องมือการบริหาร TPm (Total Priductivity managerment) ซึ่งเป็นระบบงานที่สามารถเชื่อมโยงกับแผนงานและความพยายามในการปรับปรุงงานทุกอย่างของทุกคน และรวมทุกหน่วยงานของบริษัทเข้าเป็นภาพเดียวกัน สะท้อนผลงานของแต่ละหน่วยงานเป็นผลประกอบการขั้นสุดท้าย
“ทีพีเอ็มได้นำมาใช้ในโรงงานแปรรูปและผลิตเนื้อไก่สด เนื้อไก่แช่แข็ง และโรงงานผลิตภัณฑ์อาหารปรุงสุกจากเนื้อไก่ของบริษัท บีเอฟไอ ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปีที่ผ่านมา และในปีนี้เริ่มนำมาประยุกต์ใช้ในบริษัทอื่นๆ ในเครืออย่างจริงจัง โดยเน้นความเหมาะสมกับด้านทรัพยากร บุคลากร และโครงสร้างองค์กร และความจำเป็นตามสถานการณ์ธุรกิจปัจจุบัน”
ส่วนแผนการลงทุนในสายธุรกิจต่างๆ เบทาโกรมีนโยบายที่จะสร้างโรงงานอาหารสัตว์ในสายธุรกิจภูมิภาคและธุรกิจอาหารสัตว์อีก 1 แห่ง ที่ จ.นครราชสีมา ด้วยกำลังการผลิต 3 หมื่นตันต่อปี ด้วยงบลงทุนกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า จะแล้วเสร็จปี 2551 และโรงงานไก่ปรุงสุกที่ จ.ลพบุรี ด้วยกำลังการผลิต 3 หมื่นตันต่อปี ด้วยงบลงทุนกว่า 1,500 ล้านบาท
และขยายโรงงานแปรรูป และตัดแต่งเนื้อสุกร จาก 1,200 ตัวต่อวัน เป็น 2,000 ตัวต่อวัน เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจส่งออกหมูปรุงสุก คาดว่า โครงการจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม นี้ ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้ามียอดขายเติบโต 15% หรือเพิ่มขึ้นจาก 3 หมื่นล้านบาท เป็น 34,500 ล้านบาท