ปตท.ลงนามสัญญาซื้อขาย ปั๊มเจ็ท-ธุรกิจค้าปลีก 147 แห่ง ทั่วประเทศ ใช้เงินลงทุนจำนวน 275 ล้านดอลลลาร์สหรัฐ ในการซื้อปั๊มเจ็ท 147 แห่ง "ชัยวัฒน์" เผยเตรียมตั้งบริษัทใหม่เข้าบริหาร รองรับทีมบริหาร-พนักงานของบริษัทเดิม โดยยังคงใช้ชื่อ JET และ JIFFY SHOP ต่อเป็นเวลา 2 ปี
วันนี้(19 เม.ย.) นายประเสริฐ บุญสัมพันพธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยว่า วันนี้ปตท.ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อเข้าซื้อกิจการสถานีบริหารน้ำมัน JET และร้านค้า Jiffy ทั้งหมด 147 แห่งในประเทศไทย บริษัท โคโนโคฟิลลิปส์ โดยใช้เงินในการซื้อกิจการ 275 ล้านเหรียญสหรัฐ
หลังจากการซื้อกิจการแล้ว สถานีบริการน้ำมันดังกล่าวยังใช้ชื่อเดิมต่อไปเป็นเวลา 2 ปี ก่อนที่จะทำการเปลี่ยนชื่อเป็นปั๊ม ปตท.ต่อไป ซึ่งการซื้อกิจการ JET เพื่อขยายศักยภาพในธุรกิจ Non Oil ของปตท.ให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น
ด้านนายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจน้ำมัน PTT กล่าวว่า ปตท.จะตั้งบริษัทขึ้นมา (ปตท.ถือหุ้น 100%) เพื่อถือหุ้นทั้งหมดในบริษัทย่อยของโคโนโคฟิลลิปส์ ที่ดำเนินกิจการค้าปลีกน้ำมันในไทย และรับโอนทีมบริหารและพนักงานเดิมของ JET ในไทยมาทำหน้าที่บริหารงานต่อไปเช่นเดิม
สำหรับจำนวนสถานีบริหารทั้ง 147 แห่งของ JET นั้น เชื่อว่าจะไม่ทำให้เกิดปัญหาในการดำเนินธุรกิจ เพราะมีจำนวนไม่มากที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับสถานีบริการเดิมของ ปตท. โดย ปตท.อาจจะปรับปรุงสถานีบริการที่อยู่ใกล้เคียงกับ ปตท. ให้บริการพลังงานเชื้อเพลิงทางเลือก เช่น NGV แทน
**โวมาร์เก็ตแชร์เพิ่มอีก 5-6% เชื่อปีนี้ค้าปลีกไม่ขาดทุนแล้ว
นายประเสริฐ กล่าวถึงส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกน้ำมันของปตท. หลังเข้าซื้อกิจการปั๊มเจ็ทแล้ว จะมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้น 5-6% เป็น 40% และมีสถานีบริการน้ำมันเพิ่มเป็นกว่า 1,300 แห่งทั่วประเทศ จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 1,200 แห่ง โดยปตท.จะรับบุคคลากรจาก JET ทั้งหมด ทั้งในส่วนการบริหารและส่วนที่ให้บริการในปั๊มน้ำมัน รวมทั้งสิ้น 3,150 คน
หลังจากนี้ ปตท.จะเรียนรู้การบริการปั๊มน้ำมันจาก JET เพื่อมาปรับใช้กับปั๊มน้ำมันของปตท. และภายใน 2 ปีก็จะเปลี่ยนแบรนด์จาก JET มาเป็น PTT ส่วนร้านค้า Jiffy ปตท.ต้องคืนแบรนด์กลับไป
นายประเสริฐ กล่าวว่า JET ประสบความสำเร็จในร้านค้าปลีก ที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน เนื่องจากมีการให้บริการที่ดี และลูกค้าอยู่ในระดับบน ซึ่งในอนาคต มีความเป็นไปได้ว่า ปตท.จะนำร้านค้าปลีกเหล่านี้มาเป็นส่วนหนึ่งของปั๊มปตท.
สำหรับชำระราคาซื้อชายจำนวน 275 ล้านเหรียญสหรัฐ นั้นปตท.จะทยอยจ่ายในเดือนมิ.ย.-ก.ค. 50 และปตท.จะเริ่มรับรู้รายได้จาก JET ได้ในช่วงเดือน ส.ค.นี้
"ธุรกิจน้ำมันเป็นธุรกิจที่ใช้เวลานานกว่าจะคืนทุน และมีกำไรน้อย ค่าการตลาดก็ต่ำ แต่เป็นธุรกิจหลักของปตท.ที่ต้องทำ การที่เราได้ JET มาทำให้ลดเวลาการสร้างเองซึ่งกว่าจะได้ปั๊มขนาดใหญ่ 147 แห่งต้องใช้เวลา 5 ปีและใช้เงินลงทุนแห่งละไม่ต่ำกว่า 70-100 ล้านบาท และทำให้เราได้กลุ่มลูกค้ารถเก๋งระดับบน"นายประเสริฐกล่าว
อย่างไรก็ตามในปี 50 บริษัทจะพยายามทำธุรกิจน้ำมันไม่ให้ขาดทุน หลังจากปี 49 ขาดทุนประมาณ 1.2 พันล้านบาท โดยจะพยายามรักษาค่าการตลาดไม่ให้อยู่ในระดับต่ำเกินไป แม้ว่าช่วงที่ผ่านมาบริษัทจะตรึงราคาไว้ในช่วงสงกรานต์ แต่ปีนี้มาร์จิ้นเฉลี่ยของค่าการตลาดยังอยู่ในระดับสูง เมื่อเทียบกับปีที่แล้วที่ค่าการตลาดเฉลี่ยทั้งปีที่ไม่ถึง 20 สตางค์/ลิตร
นายประเสริฐ กล่าวทิ้งท้ายว่า ในช่วงนี้บริษัทยังไม่มีแผนปรับราคาน้ำมันขายปลีก เนื่องจากค่าการตลาดอยู่ในระดับประมาณ เกือบ 1 บาท/ลิตร ซึ่งปตท.ถือว่ายังพอรับได้