ผลการสำรวจออนไลน์ของผู้บริโภคจาก 46 ประเทศทั่วโลกชิ้นล่าสุดจากเอซีนีลเส็น ผู้นำด้านการวิจัยทางการตลาดและข้อมูลชั้นนำของโลก เกี่ยวกับทัศนคติของผู้บริโภคที่มีต่อการดูแลความสวยงาม สิ่งที่ผู้บริโภคใช้จ่ายเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการบำรุงความงาม รวมถึงสิ่งที่พวกเขาปรารถนาจะจับจ่ายมากขึ้นถ้าหากราคาของสินค้าไม่ใช่สิ่งสำคัญ โดยเก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่างชายและหญิงที่ใช้อินเตอร์เน็ตจำนวน 500 คน อายุ 15 ปี ขึ้นไป
จากผลการสำรวจพบว่าชาวไทยจำนวนมากถึง 87% ใช้จ่ายในการทำทรีทเม้นต์ผิวหน้า ควบคู่ไปกับการดูแลเส้นผม ( 86%) รวมถึงใช้ผลิตภัณฑ์ในการบำรุงรักษาผิวพรรณอย่างสม่ำเสมอ (78%) โดยมีความบ่อยมากกว่าเดือนละหนึ่งครั้งเป็นประจำเพื่อเสริมความงาม และบุคลิกภาพของตน จนส่งผลให้ติดอันดับแรกของโลก
นางจันทิรา ลือสกุล กรรมการผู้จัดการ เอซีนีลเส็น (ประเทศไทย) ธุรกิจของบริษัท นีลเส็น กล่าวว่า ” จากผลการสำรวจจะเห็นว่าผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญกับการดูแลผิวพรรณ และเส้นผมเป็นอย่างมากในการเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีของตน โดยชาวไทยจำนวนมากสุดในโลกต้องการมีผิวพรรณที่สดใส และเส้นผมที่สวยงาม”
การสำรวจครั้งนี้ยังพบสิ่งที่น่าสนใจคือ พบว่าผู้ชาย (27%) สนใจในการดูแลผมของตนในแต่ละวันมากกว่าผู้หญิง (22%) นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ชาย (32%) ใช้จ่ายในผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมในแต่ละเดือนมากกว่าผู้หญิง (22%)
นางจันทิรากล่าวต่อว่า ” ความต้องการที่ซับซ้อนมากขึ้นของผู้บริโภคทั่วโลกในปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติที่เปลี่ยนไปต่อการดูแลเรื่องความสวยงาม ส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นในกลุ่มผู้ผลิต ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทางด้านผิวพรรณและเส้นผม ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพทางด้านการตลาดที่ใหญ่มาก จากข้อมูลของนีลเส็น มีเดีย รีเสริช จะเห็นว่ากลุ่มผู้ผลิตของผลิตภัณฑ์ทางด้านผิวพรรณและเส้นผมใช้งบประมาณในการโมษณามากกว่าหนึ่งหมื่นห้าพันล้านบาทในปี 2548 และปี 2549 ซึ่งแสดงถึงการเติบโตถึง 14% ต่อปี “
นอกจากนี้ผลสำรวจของทั่วโลกหากแบ่งตามทวีปพบว่า ผู้บริโภคในแถบเอเชียแปซิฟิคให้ความสนใจมากเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ไว้ท์เทนนิ่งที่ทำให้ผิวขาวขึ้น โดยพบว่าผู้บริโภคชาวจีนจำนวน 30% นิยมใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวขาวขึ้น มากที่สุดรองลงมาคือชาวไต้หวัน (20%) และ ชาวญี่ปุ่น และ ฮ่องกง (18%) โดยมีความถี่ในการใช้มากกว่าเดือนละหนึ่งครั้ง
หากราคาไม่ใช่สิ่งสำคัญ
เมื่อสอบถามผู้บริโภคต่อว่า หากราคาของสินค้าไม่ใช่สิ่งสำคัญนั้น สิ่งใดที่พวกเขาปรารถนาจะจับจ่ายมากขึ้น ผู้บริโภคชาวไทยทั้งหญิงและชายเห็นพ้องต้องกันว่าการทำทรีทเม้นต์ผิวหน้าคือสิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งจัดอยู่ในลำดับแรกของโลกอีกครั้ง
ส่วนความต้องการทางด้านผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัวที่เป็นที่ต้องการอันต่อมาของผู้หญิงไทยคือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (78%) และ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม (76%) ในขณะที่ผู้ชายไทยจะให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม (63%) มากกว่า ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (61%)
ผลการวิจัยยังพบสิ่งที่น่าสนใจอีกหนึ่งประการเกี่ยวกับผู้บริโภคชายไทยคือ ชายไทยกว่าครึ่ง (51%) สนใจการฟอกฟันขาว มากกว่าผู้หญิง (48%) โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นอายุระหว่าง 21 ถึง 24 ปี (56%) และกลุ่มคนอายุระหว่าง 35 ถึง 39 ปี (54%) ตามลำดับ
นอกจากนี้ยังพบว่าหากราคาของสินค้าไม่ใช่สิ่งสำคัญผู้บริโภคประมาณครึ่งหนึ่งในแถบเอเชีย แปซิฟิค ต้องการใช้จ่ายมากขึ้นใน ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว การทำทรีทเม้นต์ผิวหน้า การนวดดัว การฟอกฟันขาว และ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม
ส่วนผู้บริโภคในแถบ เอเชีย แปซิฟิคที่สนใจในการทำให้ผิวขาวขึ้นกว่าเดิมหากราคาของสินค้าไม่ใช่สิ่งสำคัญได้แก่ ชาวเกาหลี (52%)ชาวไต้หวัน (33%) ชาวฟิลิปปินส์ (28%) ชาวจีน(26%) และชาวฮ่องกง (23%) ตามลำดับ
หากพิจารณาผลการสำรวจอีกด้านหนึ่งพบว่า ผู้บริโภคในแถบเอเชียแปซิฟิคจากสามในสี่ ไม่สนใจการทำผิวสีแทน และ ประมาณสองในสามของผู้บริโภคฯ ในปัจจุบันไม่นิยมการย้อมขนคิ้วหรือขนตา การขัด การฟอกฟันขาว และการนวดตัว
นางจันทิรากล่าวตอนท้ายว่า ” ผลการสำรวจนี้แสดงให้กลุ่มผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกด้านผลิตภัณฑ์การบำรุงความงาม เล็งเห็นถึงความท้าทายและโอกาสในการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อที่จะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่อยู่ในแต่ละทวีปและมีความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม”
จากผลการสำรวจพบว่าชาวไทยจำนวนมากถึง 87% ใช้จ่ายในการทำทรีทเม้นต์ผิวหน้า ควบคู่ไปกับการดูแลเส้นผม ( 86%) รวมถึงใช้ผลิตภัณฑ์ในการบำรุงรักษาผิวพรรณอย่างสม่ำเสมอ (78%) โดยมีความบ่อยมากกว่าเดือนละหนึ่งครั้งเป็นประจำเพื่อเสริมความงาม และบุคลิกภาพของตน จนส่งผลให้ติดอันดับแรกของโลก
นางจันทิรา ลือสกุล กรรมการผู้จัดการ เอซีนีลเส็น (ประเทศไทย) ธุรกิจของบริษัท นีลเส็น กล่าวว่า ” จากผลการสำรวจจะเห็นว่าผู้บริโภคชาวไทยให้ความสำคัญกับการดูแลผิวพรรณ และเส้นผมเป็นอย่างมากในการเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีของตน โดยชาวไทยจำนวนมากสุดในโลกต้องการมีผิวพรรณที่สดใส และเส้นผมที่สวยงาม”
การสำรวจครั้งนี้ยังพบสิ่งที่น่าสนใจคือ พบว่าผู้ชาย (27%) สนใจในการดูแลผมของตนในแต่ละวันมากกว่าผู้หญิง (22%) นอกจากนี้ยังพบว่าผู้ชาย (32%) ใช้จ่ายในผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมในแต่ละเดือนมากกว่าผู้หญิง (22%)
นางจันทิรากล่าวต่อว่า ” ความต้องการที่ซับซ้อนมากขึ้นของผู้บริโภคทั่วโลกในปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติที่เปลี่ยนไปต่อการดูแลเรื่องความสวยงาม ส่งผลให้เกิดการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นในกลุ่มผู้ผลิต ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทางด้านผิวพรรณและเส้นผม ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพทางด้านการตลาดที่ใหญ่มาก จากข้อมูลของนีลเส็น มีเดีย รีเสริช จะเห็นว่ากลุ่มผู้ผลิตของผลิตภัณฑ์ทางด้านผิวพรรณและเส้นผมใช้งบประมาณในการโมษณามากกว่าหนึ่งหมื่นห้าพันล้านบาทในปี 2548 และปี 2549 ซึ่งแสดงถึงการเติบโตถึง 14% ต่อปี “
นอกจากนี้ผลสำรวจของทั่วโลกหากแบ่งตามทวีปพบว่า ผู้บริโภคในแถบเอเชียแปซิฟิคให้ความสนใจมากเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ไว้ท์เทนนิ่งที่ทำให้ผิวขาวขึ้น โดยพบว่าผู้บริโภคชาวจีนจำนวน 30% นิยมใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวขาวขึ้น มากที่สุดรองลงมาคือชาวไต้หวัน (20%) และ ชาวญี่ปุ่น และ ฮ่องกง (18%) โดยมีความถี่ในการใช้มากกว่าเดือนละหนึ่งครั้ง
หากราคาไม่ใช่สิ่งสำคัญ
เมื่อสอบถามผู้บริโภคต่อว่า หากราคาของสินค้าไม่ใช่สิ่งสำคัญนั้น สิ่งใดที่พวกเขาปรารถนาจะจับจ่ายมากขึ้น ผู้บริโภคชาวไทยทั้งหญิงและชายเห็นพ้องต้องกันว่าการทำทรีทเม้นต์ผิวหน้าคือสิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งจัดอยู่ในลำดับแรกของโลกอีกครั้ง
ส่วนความต้องการทางด้านผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัวที่เป็นที่ต้องการอันต่อมาของผู้หญิงไทยคือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (78%) และ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม (76%) ในขณะที่ผู้ชายไทยจะให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม (63%) มากกว่า ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (61%)
ผลการวิจัยยังพบสิ่งที่น่าสนใจอีกหนึ่งประการเกี่ยวกับผู้บริโภคชายไทยคือ ชายไทยกว่าครึ่ง (51%) สนใจการฟอกฟันขาว มากกว่าผู้หญิง (48%) โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นอายุระหว่าง 21 ถึง 24 ปี (56%) และกลุ่มคนอายุระหว่าง 35 ถึง 39 ปี (54%) ตามลำดับ
นอกจากนี้ยังพบว่าหากราคาของสินค้าไม่ใช่สิ่งสำคัญผู้บริโภคประมาณครึ่งหนึ่งในแถบเอเชีย แปซิฟิค ต้องการใช้จ่ายมากขึ้นใน ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว การทำทรีทเม้นต์ผิวหน้า การนวดดัว การฟอกฟันขาว และ ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม
ส่วนผู้บริโภคในแถบ เอเชีย แปซิฟิคที่สนใจในการทำให้ผิวขาวขึ้นกว่าเดิมหากราคาของสินค้าไม่ใช่สิ่งสำคัญได้แก่ ชาวเกาหลี (52%)ชาวไต้หวัน (33%) ชาวฟิลิปปินส์ (28%) ชาวจีน(26%) และชาวฮ่องกง (23%) ตามลำดับ
หากพิจารณาผลการสำรวจอีกด้านหนึ่งพบว่า ผู้บริโภคในแถบเอเชียแปซิฟิคจากสามในสี่ ไม่สนใจการทำผิวสีแทน และ ประมาณสองในสามของผู้บริโภคฯ ในปัจจุบันไม่นิยมการย้อมขนคิ้วหรือขนตา การขัด การฟอกฟันขาว และการนวดตัว
นางจันทิรากล่าวตอนท้ายว่า ” ผลการสำรวจนี้แสดงให้กลุ่มผู้ผลิตและผู้ค้าปลีกด้านผลิตภัณฑ์การบำรุงความงาม เล็งเห็นถึงความท้าทายและโอกาสในการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อที่จะเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่อยู่ในแต่ละทวีปและมีความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม”