ชีวิตของ“มัทนวัลย์ บุนนาค” ตั้งแต่ในวัยเด็กก็ต้องคลุกคลีพบปะผู้คนอยู่ตลอดเวลา จาก การที่คุณพ่อและคุณแม่ เป็นทูต จึงถูกปลูกฝังในเรื่องของการบริการไปในตัว ซึ่งเจ้าตัวบอกว่ามันเป็นสิ่งที่อยู่ในหัวใจ ทุกครั้งที่ทำมันจึงทำด้วยหัวใจ
“มัทนวัลย์” เล่าให้ฟังว่า อาชีพแรกที่เธอทำเป็นเรื่องการให้บริการในโรงแรมชื่อดังอย่างโรงแรมโอเรียนเต็ล ซึ่งเมื่อก่อนนั้น ถือว่าพนักงานโรงแรมต้องทำงานหนักมาก ไม่เหมือนในปัจจุบัน ลูกค้าต้องการอะไร อยากจะจัดงานอะไรก็ต้องบริการให้ได้ ไม่เหมือนในปัจจุบันที่เริ่มมีบริษัทออการ์ไนซ์ต่างๆเข้ามาดูแลธุรกิจรับจัดงานกันให้เกลื่อน ซึ่งประสบการณ์ดังกล่าว ทำให้เธอเริ่มซึมซับจนเกิดเป็นความชำนาญมากว่า 10 ปี
หลังจากนั้นจึงเข้าร่วมงานกับบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง บีเอ็มดับเบิ้ลยู มีหน้าที่ในการสร้างแบรนด์และการจัดงานอีเว้นต์ต่างๆให้ทางบีเอ็มดับเบิ้ลยู
ทั้งนี้จากงานบริการโรงแรมสู่การสร้างแบรนด์ของรถยนต์บีเอ็มดับเบิ้ลยูนั้น หลายคนอาจสงสัยว่ามันเป็นงานที่แตกต่างกันมาก แต่ในความเป็นจริงแล้ว แก่นแท้ของทั้ง 2 งาน “มัทนวัลย์” กล่าวไว้อย่างน่าฟังว่า
“ธุรกิจโรงแรม เป็นธุรกิจที่เน้นในเรื่องของการบริการ มันจับต้องไม่ได้ แต่มันสัมผัสได้ การทำงานที่บีเอ็มดับเบิ้ลยูก็เช่นเดียวกัน หัวใจของการทำงานก็คือ การให้บริการตามที่ลูกค้าเรียกร้อง ลูกค้าอยากได้สื่อแบบใด เราต้องทำให้ได้และต้องออกมาดีด้วย ดังนั้นทั้ง 2 งานจึงมีหัวใจในการทำงานไม่แตกต่างกัน นั้นคือ การให้บริการ และการให้บริการที่มาจากหัวใจ”
ด้วยความเป็นคนที่ทุ่มเททำงาน ดังนั้นในเวลาเพียง 5 ปีที่อยู่กับบีเอ็มดับเบิ้ลยู เธอค้นพบว่าความสำเร็จที่ผ่านมามันทำให้เธออิ่มตัวกับหน้าที่การงานที่ทำอยู่ จึงคิดออกจากที่บีเอ็มดับเบิ้ลยู ซึ่งในช่วงการตัดสินใจที่จะออกนั้น เป็นช่วงที่รู้จัก “กฤษณพล พงศ์ธนาวรานนท์” ประธานบริหารบริษัท เอวิวกรุ๊ป เวิลด์วายด์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจด้าน มาร์เก็ตติ้งคอมมูนิเคชั่น จึงถูกทาบทามให้มาร่วมงานที่เอวิวฯ
ตัดสินใจร่วมหุ้นกับทางบริษัท เอวิวกรุ๊ป เวิลด์วายด์ จำกัด ก่อตั้งบริษัทขึ้นใหม่ ภายใต้ชื่อ บริษัท วิวทรีซิกส์ตี้ จำกัด มีหุ้นกันฝ่ายละ 50% เท่ากันๆ โดยมัทนวัลย์ดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ ดำเนินธุรกิจด้านการรับจัดงานต่างๆมาตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมา เน้นลูกค้าในกลุ่มตลาดMICE ระดับพรีเมี่ยมเป็นหลัก
“การเปลี่ยนแปลงจาก ลูกจ้างราคาแพง สู่นายจ้างราคาถูก ที่ “วิวทรีซิกส์ตี้”นี้ ถือเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่อีกครั้งในชีวิต เพราะเรากลายมาเป็นเจ้าของบริษัทเอง จากเดิมที่เป็นลูกจ้างเขา อีกทั้งเรายังแบกภาระต้องรับผิดชอบชีวิตพนักงานที่เขายินยอมและเต็มใจฝากชีวิตไว้กับเรา ซึ่งตัวเองมองว่าต้องรับผิดชอบดูแลเค้าให้ดี ให้สมกับที่พวกเขาไว้วางใจ” มัทนวัลย์กล่าว
การมาเป็นนายคนในธุรกิจรับจัดงานครั้งนี้ ตั้งความหวังที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในกลุ่มรับจัดงานในระดับพรีเมี่ยม ส่วนในอนาคตจะออกมาเป็นเช่นใด วิวทรีซิกส์ตี้จะสยายปีกโบยบินอยู่บนท้องฟ้าได้อย่างสง่างามหรือไม่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ปีกเล็กๆของผู้หญิงคนนี้ ที่ชื่อ มัทนวัลย์ บุนนาค จากลูกจ้างราคาแพง สู่นายจ้างราคาถูก ที่ “วิวทรีซิกส์ตี้” รังใหม่หลังเล็กๆ ที่จะทำให้อีกหลายๆคนรู้จักเธอมากขึ้น