เดอะ พิซซ่า คอมปะนี โหมหนักดีลิเวอรี่ ตั้งเป้าปี 2551 กินแชร์เพิ่มอีก 80% หลังพบยอดไตรมาสแรก รายได้รวมพุ่ง 15% ประกาศ ทำตลาดทุกทาง ล่าสุดร่วมแคมเปญกับเอไอเอสขยายช่องทางดีลิเวอรี่ เพิ่มฐานลูกค้า
นายอนิรุทธิ์ มหธร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้าน เดอะ พิซซ่า คอมปะนี เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนบุกตลาดจัดส่งดีลิเวอรี่ ในรูปแบบเชิงรุกมากขึ้นหลังพบอัตราการเติบโตของภาพรวมในไตรมาสแรกของเดอะพิซซ่าฯทะยานสู่ 15% โดยเฉพาะเดือนมีนาคมมากกว่ายอดสั่งดีลิเวอรี่เดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มถึงเท่าตัวในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
สาเหตุที่ทำให้ยอดสั่งดีลิเวอรี่เพิ่มเนื่องจากมีแคมเปญใหม่และเมนูหน้าของพิซซ่ามีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา จะเห็นได้จาก การลอนซ์ แคมเปญ การขาย “ซื้อ 1 แถม 1” เสิร์ฟความอร่อยคูณสองถึงมือลูกค้า ในวันที่ 1-15 มีนาคมที่ผ่านมาได้รับกระแสตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี ทั้งนี้บริษัทฯเองต้องยืดเวลาออกต่อไปจนถึง 1 เมษายน 2550 ที่ผ่านมา
“ยอดสั่งการจัดส่งแบบด่วนมีการเติบโตเพิ่มมาก เช่นเดียวกับการเติบโตของตลาดดีลิเวอรี่โดยรวม และยังสามารถขยายตัวอยู่ได้อีกสอดคล้องกับภาวะน้ำมันแพงที่คนสั่งทานอาหารที่บ้านมากขึ้น ซึ่งเมื่อดูจากตัวเลขที่เพิ่มขึ้น เป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง เราจึงมุ่งมั่นพัฒนาการปรับตัวตามตลาด เพื่อเพิ่มการเติบโตในจุดนี้ และสิ่งหนึ่งที่เราให้ความสำคัญเนอย่างมาก คือ ความ คุ้มค่าคุ้มราคาต่อกลุ่มลูกค้า ตรงจุดนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากอย่างยิ่ง ที่ต้องคำนึงในการทำตลาด”
เบื้องต้นในช่วงไตรมาส 2 บริษัทฯได้ผนึกกำลังกับ เอไอเอส เพิ่มช่องทางการส่งกับกลุ่มลูกค้า ด้วยการเพิ่มเบอร์ *185 สั่งด่วนทันใจ รูปแบบของการจัดส่งจะคล้ายคลึงกับการจัดส่งแบบเดิม 1112 ส่งภายในระยะเวลา 30 นาที เหมือนเดิมแต่ที่เพิ่มความแปลกใหม่เนื่องจากต้องการให้ตัวเสริมให้การจัดส่งมีความสมบูรณ์กับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดดีลิเวอรี่
สำหรับกลยุทธ์ในการทำตลาด บริษัทฯจะยังคงมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมใหม่ เปิดตัวเมนูใหม่ลงสู่ตลาดอย่างน้อย 6 เมนูต่อปี ควบคู่กับการจัดกิจกรรม เพื่อเป็นการกระตุ้นกลุ่มลูกค้า ให้ตื่นตัวกับการปรับเปลี่ยนการทำตลาดของบริษัทฯ อยู่ตลอดเวลา การที่เรามุ่งมั่นทำตลาดดีลิเวอรี่มากขึ้น เชื่อว่าจะสามารถตอบรับทุกโจทย์ของกลุ่มลูกค้าที่นิยม ทานอาหารจานด่วน
ปัจจุบันมูลค่าตลาดพิซซ่ามีประมาณ 3,500 ล้านบาท แบ่งเป็น การรับประทานที่ร้าน 40% ดีลิเวอรี่ 45% และกลับบ้าน 15% ซึ่งในปีที่ผ่านมาเดอะพิซซ่าฯมีแชร์ดีลิเวอรี่ อยู่ 75% ซึ่งถ้าวิเคราะห์ถึงความพร้อมของตลาด การหันมารุกจับตลาดในกลุ่มนี้บริษัทฯเชื่อว่าจะสามารถตอบไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าในปัจจุบันที่มีความเร่งรีบมาก บริษัทฯเชื่อว่าภายในปี 2551 จะขยับแชร์ดีลิเวอรี่เพิ่มขึ้นได้อีกประมาณ 80%
นายอนิรุทธิ์ มหธร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้าน เดอะ พิซซ่า คอมปะนี เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนบุกตลาดจัดส่งดีลิเวอรี่ ในรูปแบบเชิงรุกมากขึ้นหลังพบอัตราการเติบโตของภาพรวมในไตรมาสแรกของเดอะพิซซ่าฯทะยานสู่ 15% โดยเฉพาะเดือนมีนาคมมากกว่ายอดสั่งดีลิเวอรี่เดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มถึงเท่าตัวในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
สาเหตุที่ทำให้ยอดสั่งดีลิเวอรี่เพิ่มเนื่องจากมีแคมเปญใหม่และเมนูหน้าของพิซซ่ามีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา จะเห็นได้จาก การลอนซ์ แคมเปญ การขาย “ซื้อ 1 แถม 1” เสิร์ฟความอร่อยคูณสองถึงมือลูกค้า ในวันที่ 1-15 มีนาคมที่ผ่านมาได้รับกระแสตอบรับจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี ทั้งนี้บริษัทฯเองต้องยืดเวลาออกต่อไปจนถึง 1 เมษายน 2550 ที่ผ่านมา
“ยอดสั่งการจัดส่งแบบด่วนมีการเติบโตเพิ่มมาก เช่นเดียวกับการเติบโตของตลาดดีลิเวอรี่โดยรวม และยังสามารถขยายตัวอยู่ได้อีกสอดคล้องกับภาวะน้ำมันแพงที่คนสั่งทานอาหารที่บ้านมากขึ้น ซึ่งเมื่อดูจากตัวเลขที่เพิ่มขึ้น เป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง เราจึงมุ่งมั่นพัฒนาการปรับตัวตามตลาด เพื่อเพิ่มการเติบโตในจุดนี้ และสิ่งหนึ่งที่เราให้ความสำคัญเนอย่างมาก คือ ความ คุ้มค่าคุ้มราคาต่อกลุ่มลูกค้า ตรงจุดนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากอย่างยิ่ง ที่ต้องคำนึงในการทำตลาด”
เบื้องต้นในช่วงไตรมาส 2 บริษัทฯได้ผนึกกำลังกับ เอไอเอส เพิ่มช่องทางการส่งกับกลุ่มลูกค้า ด้วยการเพิ่มเบอร์ *185 สั่งด่วนทันใจ รูปแบบของการจัดส่งจะคล้ายคลึงกับการจัดส่งแบบเดิม 1112 ส่งภายในระยะเวลา 30 นาที เหมือนเดิมแต่ที่เพิ่มความแปลกใหม่เนื่องจากต้องการให้ตัวเสริมให้การจัดส่งมีความสมบูรณ์กับผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดดีลิเวอรี่
สำหรับกลยุทธ์ในการทำตลาด บริษัทฯจะยังคงมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมใหม่ เปิดตัวเมนูใหม่ลงสู่ตลาดอย่างน้อย 6 เมนูต่อปี ควบคู่กับการจัดกิจกรรม เพื่อเป็นการกระตุ้นกลุ่มลูกค้า ให้ตื่นตัวกับการปรับเปลี่ยนการทำตลาดของบริษัทฯ อยู่ตลอดเวลา การที่เรามุ่งมั่นทำตลาดดีลิเวอรี่มากขึ้น เชื่อว่าจะสามารถตอบรับทุกโจทย์ของกลุ่มลูกค้าที่นิยม ทานอาหารจานด่วน
ปัจจุบันมูลค่าตลาดพิซซ่ามีประมาณ 3,500 ล้านบาท แบ่งเป็น การรับประทานที่ร้าน 40% ดีลิเวอรี่ 45% และกลับบ้าน 15% ซึ่งในปีที่ผ่านมาเดอะพิซซ่าฯมีแชร์ดีลิเวอรี่ อยู่ 75% ซึ่งถ้าวิเคราะห์ถึงความพร้อมของตลาด การหันมารุกจับตลาดในกลุ่มนี้บริษัทฯเชื่อว่าจะสามารถตอบไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าในปัจจุบันที่มีความเร่งรีบมาก บริษัทฯเชื่อว่าภายในปี 2551 จะขยับแชร์ดีลิเวอรี่เพิ่มขึ้นได้อีกประมาณ 80%