ยูเซอรีน สบช่องตลาดชะลอริ้วรอยเวชสำอางโต เปิดนวัตกรรมใหม่ "ไฮยาลูรอน" สินค้าเรือธงเจาะกลุ่มสาวไทยปีนี้ อัดงบ 60 ล้านบาท สร้างการรับรู้ผ่านแพทย์ผิวหนัง ตั้งเป้ายอดปีแรก 100 ล้านบาท สิ้นปีรั้งบัลลังก์ผู้นำตลาดกวาดแชร์เพิ่มจาก 70% เป็น 72-73%
เภสัชกรหญิงสุวรรณี ศรีธัญญะโชติ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เวชสำอางยูเซอรีน เปิดเผยว่า แผนการตลาดปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอยในเชิงรุกมากขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในตลาดเวชสำอางและมีอัตราการเติบโตสูง ดังนั้นบริษัทจึงได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่"ยูเซอรีน ไฮยาลูรอน ฟิลเลอร์ ริงเคิล ฟิลลิ่ง ทรีทเมนท์" นำเข้ามาด้วยกัน 2 สูตร สำหรับกลางและกลางคืน ซึ่งจะเป็นสินค้าเรือธงในการทำตลาดปีนี้ เจาะกลุ่มเป้าหมายอายุ 25-45 ปี จากที่ผ่านมายูเซอรีน คิวเท็น และกลุ่มไวท์เทนนิ่งจะเป็นสินค้าเรือธง
ล่าสุดบริษัทได้ทุ่มงบ 60 ล้านบาท สำหรับยูเซอรีน ไฮยาลูรอนฯ นับว่าเป็นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งบมากที่สุดในปีนี้ ในเบื้องต้นเตรียมให้ข้อมูลเกี่ยวกับสารไฮยาลูรอนแก่ผู้บริโภคผ่านทางแพทย์ผิวหนัง และสื่อสิ่งพิมพ์และนิตรสาร เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนไทย พร้อมกันนี้ยังได้เตรียมแจกสินค้าตัวอย่าง 2 แสนชิ้น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการทดลองใช้ โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าววางราคาถูกกว่าสินค้าเคานต์แบรนด์ 50-60% และสูงกว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอยของยูเซอรีนด้วยกัน 30-40% ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีแรก 100 ล้านบาท
"เมื่อปีที่ผ่านมายูเซอรีน ไฮยาลูรอนฯ ได้เปิดตัวในยุโรปได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สำหรับในประเทศไทยคาดว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเช่นกัน เนื่องจากเป็นนวัตกรรมที่ได้รับการพัฒนามาถึง 7 ปี ทั้งนี้จากการสำรวจผู้บริโภค 200 คน พบว่า ผู้ที่ใช้มีความพึงพอใจถึง 89% และ84% รู้สึกใช้แล้วเห็นผล 50% รู้สึกว่าริ้วรอยลดลง "
แนวโน้มตลาดผลิตภัณฑ์เวชสำอางมูลค่า 1,000 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 30-40% มาจากการผลักดันเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ของยูเซอรีน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดมีอัตราการเติบโต 20% โดยตลาดเวชสำอาง กลุ่มผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอยมีสัดส่วน 40% หรือคิดเป็นมูลค่า 400 ล้านบาท กลุ่มไวท์เทนนิ่งสัดส่วน 20% หรือคิดเป็นมูลค่า 200 ล้านบาท และที่เหลือ 40% เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกาย เมื่อเทียบกับตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับแมสโดยรวมมูลค่า 7,500 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 10% โดยกลุ่มไวท์เทนนิ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุด ส่วนกลุ่มชะลอริ้วรอยแม้ว่าจะเล็กกว่าไวท์เทนนิ่งแต่เป็นกลุ่มที่มีอัคราการเติบโตสูงที่สุด
ผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 30-40% หรือมีรายได้ 900-1,000 ล้านบาท จากเมื่อปีที่ผ่านมามีรายได้ 700 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 20% แบ่งเป็น กลุ่มชะลอริ้วรอยสัดส่วน 40% คิดเป็นมูลค่า 280 ล้านบาท กลุ่มผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งสัดส่วน 16% หรือ 110 ล้านบาท กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกายสัดส่วน 20% หรือ 140 ล้านบาท และอื่นๆ สัดส่วน 21% หรือ 170 ล้านบาท ขณะที่ส่วนแบ่งในฐานะผู้นำตลาดเวชสำอางตั้งเป้าเพิ่มจาก 70% เป็น 72-73% ทิ้งห่างเบอร์สองที่มีส่วนแบ่ง 5-10%
เภสัชกรหญิงสุวรรณี ศรีธัญญะโชติ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไบเออร์สด๊อรฟ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เวชสำอางยูเซอรีน เปิดเผยว่า แผนการตลาดปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นกลุ่มผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอยในเชิงรุกมากขึ้น เนื่องจากเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในตลาดเวชสำอางและมีอัตราการเติบโตสูง ดังนั้นบริษัทจึงได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่"ยูเซอรีน ไฮยาลูรอน ฟิลเลอร์ ริงเคิล ฟิลลิ่ง ทรีทเมนท์" นำเข้ามาด้วยกัน 2 สูตร สำหรับกลางและกลางคืน ซึ่งจะเป็นสินค้าเรือธงในการทำตลาดปีนี้ เจาะกลุ่มเป้าหมายอายุ 25-45 ปี จากที่ผ่านมายูเซอรีน คิวเท็น และกลุ่มไวท์เทนนิ่งจะเป็นสินค้าเรือธง
ล่าสุดบริษัทได้ทุ่มงบ 60 ล้านบาท สำหรับยูเซอรีน ไฮยาลูรอนฯ นับว่าเป็นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งบมากที่สุดในปีนี้ ในเบื้องต้นเตรียมให้ข้อมูลเกี่ยวกับสารไฮยาลูรอนแก่ผู้บริโภคผ่านทางแพทย์ผิวหนัง และสื่อสิ่งพิมพ์และนิตรสาร เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนไทย พร้อมกันนี้ยังได้เตรียมแจกสินค้าตัวอย่าง 2 แสนชิ้น เพื่อกระตุ้นให้เกิดการทดลองใช้ โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าววางราคาถูกกว่าสินค้าเคานต์แบรนด์ 50-60% และสูงกว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอยของยูเซอรีนด้วยกัน 30-40% ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายปีแรก 100 ล้านบาท
"เมื่อปีที่ผ่านมายูเซอรีน ไฮยาลูรอนฯ ได้เปิดตัวในยุโรปได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สำหรับในประเทศไทยคาดว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเช่นกัน เนื่องจากเป็นนวัตกรรมที่ได้รับการพัฒนามาถึง 7 ปี ทั้งนี้จากการสำรวจผู้บริโภค 200 คน พบว่า ผู้ที่ใช้มีความพึงพอใจถึง 89% และ84% รู้สึกใช้แล้วเห็นผล 50% รู้สึกว่าริ้วรอยลดลง "
แนวโน้มตลาดผลิตภัณฑ์เวชสำอางมูลค่า 1,000 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 30-40% มาจากการผลักดันเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ของยูเซอรีน เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาตลาดมีอัตราการเติบโต 20% โดยตลาดเวชสำอาง กลุ่มผลิตภัณฑ์ชะลอริ้วรอยมีสัดส่วน 40% หรือคิดเป็นมูลค่า 400 ล้านบาท กลุ่มไวท์เทนนิ่งสัดส่วน 20% หรือคิดเป็นมูลค่า 200 ล้านบาท และที่เหลือ 40% เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกาย เมื่อเทียบกับตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับแมสโดยรวมมูลค่า 7,500 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 10% โดยกลุ่มไวท์เทนนิ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุด ส่วนกลุ่มชะลอริ้วรอยแม้ว่าจะเล็กกว่าไวท์เทนนิ่งแต่เป็นกลุ่มที่มีอัคราการเติบโตสูงที่สุด
ผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 30-40% หรือมีรายได้ 900-1,000 ล้านบาท จากเมื่อปีที่ผ่านมามีรายได้ 700 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 20% แบ่งเป็น กลุ่มชะลอริ้วรอยสัดส่วน 40% คิดเป็นมูลค่า 280 ล้านบาท กลุ่มผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งสัดส่วน 16% หรือ 110 ล้านบาท กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวกายสัดส่วน 20% หรือ 140 ล้านบาท และอื่นๆ สัดส่วน 21% หรือ 170 ล้านบาท ขณะที่ส่วนแบ่งในฐานะผู้นำตลาดเวชสำอางตั้งเป้าเพิ่มจาก 70% เป็น 72-73% ทิ้งห่างเบอร์สองที่มีส่วนแบ่ง 5-10%