อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ชี้แจงการนำเข้าตับสุกรจากออสเตรเลีย โดยระบุว่าเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติ คือ ร้อยละ 30 และมิได้ใช้สิทธินำเข้าภายใต้กรอบ FTA ไทย-ออสเตรเลีย
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรณีที่สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และสมาคมสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสุกรไทย ได้จัดสัมมนาวิชาการเรื่อง “FTA : สุกรไทยเรื่องใกล้ตัว” ในงาน VIV Asia 2007 และเลขาธิการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ได้กล่าวว่า หลังจากไทยลดภาษีสินค้าในกลุ่มเนื้อสุกร และผลิตภัณฑ์ให้กับออสเตรเลีย ภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรี ไทย-ออสเตรเลีย พบว่า ในปี 2549 ไทยนำเข้าตับสุกรจากออสเตรเลียจำนวน 5,800 ตัน โดยมีต้นทุนเพียง 10 บาทต่อกิโลกรัม ขายปลีกให้ผู้บริโภคเพียงกิโลกรัมละ 50 บาท และมีแนวโน้มที่จะมีการนำเข้าเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อผู้เลี้ยงสุกรในประเทศนั้น ในการนำเข้าตับสุกรจากประเทศออสเตรเลียทั้งหมด เป็นการนำเข้าโดยเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติ คือ ร้อยละ 30 และมิได้ใช้สิทธินำเข้าภายใต้ความข้อตกลง FTA ไทย-ออสเตรเลีย ดังนั้น การนำเข้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาตลอด จึงไม่ได้เป็นผลมาจากการทำ FTA แต่อาจเป็นเพราะราคาต้นทุนต่ำแม้เสียภาษีแล้วก็ยังสามารถนำเข้ามาขายแข่งขันกับตับสุกรในประเทศได้ สำหรับการแก้ไขปัญหาด้านสุขอนามัย ขณะนี้กรมการค้าต่างประเทศได้ประสานกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกรมปศุสัตว์ให้เข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าเครื่องในสุกรที่นำเข้าจากต่างประเทศแล้ว เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรณีที่สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และสมาคมสัตวแพทย์ควบคุมฟาร์มสุกรไทย ได้จัดสัมมนาวิชาการเรื่อง “FTA : สุกรไทยเรื่องใกล้ตัว” ในงาน VIV Asia 2007 และเลขาธิการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ได้กล่าวว่า หลังจากไทยลดภาษีสินค้าในกลุ่มเนื้อสุกร และผลิตภัณฑ์ให้กับออสเตรเลีย ภายใต้ความตกลงเขตการค้าเสรี ไทย-ออสเตรเลีย พบว่า ในปี 2549 ไทยนำเข้าตับสุกรจากออสเตรเลียจำนวน 5,800 ตัน โดยมีต้นทุนเพียง 10 บาทต่อกิโลกรัม ขายปลีกให้ผู้บริโภคเพียงกิโลกรัมละ 50 บาท และมีแนวโน้มที่จะมีการนำเข้าเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อผู้เลี้ยงสุกรในประเทศนั้น ในการนำเข้าตับสุกรจากประเทศออสเตรเลียทั้งหมด เป็นการนำเข้าโดยเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติ คือ ร้อยละ 30 และมิได้ใช้สิทธินำเข้าภายใต้ความข้อตกลง FTA ไทย-ออสเตรเลีย ดังนั้น การนำเข้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมาตลอด จึงไม่ได้เป็นผลมาจากการทำ FTA แต่อาจเป็นเพราะราคาต้นทุนต่ำแม้เสียภาษีแล้วก็ยังสามารถนำเข้ามาขายแข่งขันกับตับสุกรในประเทศได้ สำหรับการแก้ไขปัญหาด้านสุขอนามัย ขณะนี้กรมการค้าต่างประเทศได้ประสานกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และกรมปศุสัตว์ให้เข้มงวดในการตรวจสอบสินค้าเครื่องในสุกรที่นำเข้าจากต่างประเทศแล้ว เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค