ผลิตภัณฑ์กันแดดแข่งระอุรับหน้าร้อน ผู้ประกอบการเร่งทำตลาดหวังยึดยอดขายช่วง 2 เดือนพีคสุดกว่า 25% ชี้แนวโน้มผู้เล่นมากขึ้น รับตลาดเติบโตกว่า 33% เผยกลุ่มกันแดดสำหรับผิวหน้าส่อแววโตมากกว่าผิวกาย ด้านวาสลีนของค่ายลีเวอร์ทุ่มงบ 80 ล้านบาท ดับร้อนนี้ด้วยแคมเปญ วาสลีน ฟูลซันดับเบิ้ลฟันแฟร์
นางผกาฉัตร เตชาบูรพานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิว บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2549 ที่ผ่านมา ตลาดรวมของผลิตภัณฑ์กันแดดมีมูลค่ารวมประมาณ 570 ล้านบาท โดยมีการเติบโตประมาณ 33% ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงพอสมควรและคาดว่าปีนี้ตลาดรวมจะเติบโตสองหลักเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ ตลาดรวมปีที่แล้วแบ่งเป็นผลิตภัณฑ์กันแดดสำหรับผิวกายหรือบอดี้โลชั่น มูลค่า 318 ล้านบาท และผลิตภัณฑ์กันแดดสำหรับผิวหน้ามูลค่า 252 ล้านบาท แต่เป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตที่สูงกว่า โดยในปีที่แล้ว กลุ่มกันแดดสำหรับผิวกาย โต 23.8% น้อยกว่า กลุ่มกันแดดสำหรับผิวหน้าที่โต 48.2%
ขณะที่ปี 2548 นั้น ตลาดรวมเติบโตเพียง 4.5% ส่วนกลุ่มกันแดดสำหรับผิวกายติดลบตลาดตกลง 6.5% แต่กลุ่มกันแดดสำหรับผิวหน้าเติบโต 27.1% ส่งผลให้สัดส่วนตลาดสองกลุ่มนี้เปลี่ยนไป เมื่อเทียบกับปี 2548 กับ 2549 จะพบว่า สัดส่วนยอดขายของผลิตภัณฑ์กันแดดสำหรับผิวหน้า มีส่วนแบ่ง 40% แต่เพิ่มเป็น 44% ในปีที่แล้ว ขณะที่ตลาดผลิตภัณฑ์กันแดดสำหรับผิวกายมีสัดส่วนตลาด 60% เมื่อปี 2548 ลดลงเหลือ 56% ในปีที่แล้ว
สำหรับตลาดผลิตภัณฑ์กันแดดนั้นยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก แต่ทั้งนี้ต้องสร้างการรับรู้ในหมู่ผู้บริโภคด้วย ซึ่งที่ผ่านมา จากการสำรวจพบว่า กลุ่มผู้ใช้มากที่สุดอยู่ในต่างจังหวัดมากถึง 70% ขณะที่คนในเมืองยังใช้น้อยกว่า จึงเป็นตลาดที่ต้องขยายไปให้ถึง อีกทั้งตลาดผลิตภัณฑ์กันแดดนี้ยังไม่เป็นเดลี่ยูส แต่ยังคงเป็นซีซันนอลเท่านั้น ซึ่งยอดขายส่วนใหญ่ของตลาดนี้จะมาจากช่วงเดือน เมษายน-พฤษภาคม กว่า 25% โดยมีการเติบโตมากที่สุดในช่วง 2 เดือนนี้ถึง 55% เมื่อเทียบกับอัตราการขายโดยเฉลี่ยทั้งปี
ขณะเดียวกันจากแนวโน้มตลาดที่จะมีการเติบโตอย่างมาก ทำให้มีแนวโน้มที่จะมีผู้ประกอบการหน้าใหม่เข้ามาสู่ตลาดมากขึ้น เนื่องจากฐานยังเล็กอยู่ ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดมีการแข่งขันกันมากขึ้น ส่งผลดีต่อผู้บริโภค โดยการแข่งขันนั้นจะเน้นหนักไปที่การพัฒนาและออกผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาดต่อเนื่อง รวมทั้งการทำกิจกรรมและส่งเสริมการขายที่เข้มข้น
ส่วนแนวโน้มของผลิตภัณฑ์กันแดดที่จะมีการเติบโตอย่างมากในอนาคตนั้น สังเกตุพบว่า ผู้บริโภคจะหันมาใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดที่มีระดับ เอสพีเอฟ ต่างๆที่สูงขึ้น ในเกณฑ์ที่มากกว่า 30 โดยพบว่า ในปี 2549 ผลิตภัณฑ์ป้องกันแดดในระดับ เอสพีเอฟ มากกว่า 30 มีส่วนแบ่งตลาด 73% เพิ่มจากปี 2548 ที่มี 70% ส่วนระดับเอสพีเอฟต่ำกว่า 30 ในปี 2549 มีสัดส่วน 13% ลดลงจากปี 2548 ที่มี 14% ขณะที่กลุ่มไม่ระบุระดับเอสพีเอ ปีที่แล้วเหลือ 15% จากเดิมปี 2548 ที่มี 17%
ปัจจุบันผู้นำในตลาดผลิตภัณฑ์กันแดดทั้งหมดนั้น คือ นีเวีย มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 36% อันดับที่สองคือ วาสลีน 13%, เคเอ 7%, ซีแคร์ 5%, สมูทอี มีแชร์ 5%, การ์นีเย่ 4%, บานานาโบท 3%
นางผกาฉัตรกล่าวต่อถึงการทำตลาดของวาสลีนในช่วงซัมเมอร์หรือหน้าร้อนนี้ว่า ในช่วงหน้าร้อนปีที่แล้วาสลีนประสบความสำเร็จจากงาน วาสลีน ฟูลซันฟันแฟร์ ทั้งในแง่ของผู้เข้าร่วมงานสูงถึง 10,000 คน ส่งผลให้ยอดขายวาสลีน เฮลธี้ ซันบล็อค โลชั่น ในช่วงดังกล่าวเพิ่มขึ้น 20% โดยปีนี้จะจัดอีกครั้งภายใต้ชื่อ วาสลีน ฟูลซันดับเบิ้ลฟันแฟร์ โดยจัดสรรงบประมาณมากกว่า 80 ล้านบาทในการดำเนินการ ระหว่างวันที่ 28-29 เมษายนนี้ที่หาดจอมเทียน พัทยาโดยคาดว่าปีนี้จะมีผู้มาร่วมงานกว่า 20,000 คน
โดยภายในงานจะมีกิจกรรมหลากหลาย โดยการขยายพื้นที่จัดงานสองเท่ากว่า 15,000 ตารางเมตร พร้อมเพิ่มเครื่องเล่นทั้งบกและในทะเล ขยายการจัดงานเป็นสองวัน แบ่งกิจกรรมออกเป็น 3 โซนคือ ซีโซน บีชโซน และคิดส์โซน โดยมีการใช้สื่อสนับสนุนครบวงจรทั้งโฆษณาและประชาสัมพันธ์ โดยจะประเดิมด้วยการส่งภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ทางโทรทัศน์ตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคมนี้ รวมทั้งสปอตรายการวิทยุ สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อกลางแจ้งอีกมาก
พร้อมกับการออกชุดวาสลีน ซัมเมอร์บีชลิมิเต็ดคอลเลคชั่น เมื่อซื้อวาสลีนเฮลธี้ซันบล็อคโลชั่น เอสพีเอฟ 30 ขนาด 100 มล. คู่กับวาสลีนเฮลธี้ ไวท์ ยูวี โปรเทคชั่น โลชั่น ขนาด 250 มล. ราคาพิเศษ 299 บาท จากราคาปรกติ 372 บาท รับฟรีชุดวาสลีนซัมเมอร์บีช มูลค่า 199 บาท