ผู้บริหาร บขส.เปิดแถลงข่าวกรณีอุบัติเหตุรถทัวร์ไฟไหม้ มีผู้เสียชีวิต 29 ราย ที่จังหวัดสระบุรี เบื้องต้นสรุปสาเหตุมาจากความประมาทของผู้ขับที่ฝืนขับรถ ทั้งที่เบรกมีปัญหา และไม่ยอมแจ้งให้บริษัทนำรถมาเปลี่ยน เพื่อรับถ่ายผู้โดยสาร ล่าสุด บขส.ได้สั่งพักรถของบริษัท ศรีสงวนยานยนต์ ในเส้นทาง กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี เป็นเวลา 1 สัปดาห์ และอาจมีโทษร้ายแรงถึงขั้นบอกเลิกสัญญา
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการ และรักษาการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) กล่าวว่า สำหรับอุบัติเหตุร้ายแรงของรถโดยสาร ของบริษัท ศรีสงวนยานยนต์ ที่จังหวัดสระบุรี ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 29 ราย และบาดเจ็บถึง 37 ราย ล่าสุด บขส.ได้ประสานงานกับผู้ประกอบการรายนี้ เพื่อขอให้แสดงความรับผิดชอบต่อผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอย่างเต็มที่ โดยเบื้องต้น บขส.จะจ่ายเงินให้กับผู้เสียหาย รายละ 10,000 บาท ทันที เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ในขณะที่บริษัทดังกล่าวจะรับผิดชอบตามกฎหมาย ประกอบด้วย ในส่วนของผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินชดเชยจากประกันภัยชั้น 3 รวมเงินชดเชยจาก พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยทางถนน รวมเป็นเงินรายละ 400,000 บาท ส่วนผู้บาดเจ็บ จะได้รับเงินตามกฎหมายทั้ง 2 ส่วน รายละ 250,000 บาท
สำหรับการสรุปสาเหตุเบื้องต้น จากการตรวจสอบ พบว่า เกิดจากความผิดพลาดของพนักงานขับรถ หลังจากพบว่า เบรกทำงานขัดข้อง แต่ยังฝืนขับรถ และทำการซ่อมมาตลอดทาง ทั้งที่สามารถแจ้งให้บริษัทนำรถมาเปลี่ยนเพื่อรับถ่ายผู้โดยสารไปได้ และสาเหตุสำคัญที่เกิดเพลิงไหม้รถทัวร์คันดังกล่าวขึ้น เกิดจากเบรกขัดข้อง และผู้ขับได้พยายามเปลี่ยนเกียร์ช่วย ทำให้เกียร์เสียหาย และหลุดกระเด็นออกมานอกรถ รวมถึงเพลาขับที่หลุดออกได้กระเด็นไปฟาดถังน้ำมันทำให้เกิดประกายไฟ จนเกิดลุกไหม้ขึ้น
ส่วนบทลงโทษ ล่าสุด บขส.ได้สั่งให้บริษัท ศรีสงวนยานยนต์ พักรถในเส้นทางกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี ทั้งหมด 4 คัน เป็นเวลา 1 สัปดาห์ และในวันศุกร์นี้ นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานบอร์ด บขส.จะพิจารณาสัญญาของบริษัทดังกล่าว ว่าที่ผ่านมา มีประวัติดีหรือไม่ ซึ่งหากเห็นว่า บริษัทมีความประมาทจากเหตุการณ์ดังกล่าว ก็จะลงโทษสถานหนัก โดยการบอกเลิกสัญญากับบริษัทดังกล่าว ในเส้นทางกรุงเทพฯ-อุบลราชธานี รวมถึงเส้นทางอื่นๆ ต่อไป
ขณะที่ความวิตกของผู้โดยสารที่มีต่อเหตุการณ์ดังกล่าว บขส.ไม่ต้องการให้ผู้โดยสารตื่นกลัวจากเหตุการณ์ครั้งนี้มากเกินไป จนไม่กล้าเดินทาง เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากความบกพร่องของคนขับ และที่ผ่านมา กรมการขนส่งทางบกก็ได้มีการตรวจสภาพรถให้บริการรถสาธารณะอย่างเข้มงวดทุกครั้งที่มาการต่อทะเบียน
ขณะที่ บขส.เองก็มีการตรวจสภาพรถ ทั้งในส่วนกลาง และสถานีต่างๆ ทั่วประเทศอย่างสม่ำเสมอ และจากเหตุการณ์ครั้งนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการพิจารณาทบทวนสัญญาของผู้ประกอบการรถร่วมบริการ ที่การให้บริการและความปลอดภัยไม่ได้มาตรฐาน ในส่วนนี้ยอมรับว่า บขส. ได้พิจารณาที่จะเข้าไปเดินรถให้บริการแทนผู้ประกอบการหลายราย เนื่องจากผู้ประกอบการเหล่านี้ ได้ขออนุญาตยกเลิกการเดินรถ เนื่องจากไม่สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นจนเตรียมขอยกเลิกเส้นทางในที่สุด