ตลาดคนไทยเที่ยวกรุงเทพฯวูบ ททท.ฮึดสู้จับมือ 4 พันธมิตรใหญ่ บัตรเครดิตกรุงไทย ไทยแอร์เอเชีย กรุงเทพมหานคร และ ธนาคารกรุงไทย ระเบิดแคมเปญ "เที่ยวกรุงเทพ สุขหรรษา" แจกทองคำกว่า 160 บาท หวังดึงคนไทยเที่ยวเพิ่มอีก 20% ยอมรับเหตุการณ์ทางการเมืองในกทม.ส่งผลนักท่องเที่ยวคนไทยเข้ามาเที่ยวในกรุงเทพฯหายไปกว่า 30% ขณะที่แผนปีหน้าชูสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งดึงไทยท่องเที่ยว
นายธวัชชัย อรัญญิก ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาค ภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมเปิดตัวโครงการใหญ่ เพื่อกระตุ้นคนไทยให้เดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่เดือนเมษายนไปจนถึงปลายปีนี้ ภายใต้แคมเปญ “เที่ยวกรุงเทพ สุขหรรษา” จุดประสงค์เพื่อเชิญชวนคนไทยในต่างจังหวัดให้เดินทางเข้ามาเที่ยวกรุงเทพฯ พร้อมกับกระตุ้นคนกรุงเทพให้เดินทางท่องเที่ยวภายในกรุงเทพฯด้วย
โดยโครงการนี้ ททท.ได้ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร บัตรเครดิตกรุงไทย (KTC) ,ธนาคารกรุงไทย และ สายการบิน ไทยแอร์เอเชีย เป็นต้น โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวภายใต้แคมเปญนี้สามารถร่วมชิงโชคลุ้นรับของรางวัลจาก KTC ซึ่งรางวัลที่ 1 เป็น ทองคำหนัก 80 บาท จับรางวัล 2 ครั้ง ในเดือนมิถุนายน และ ธันวาคม รวมทองคำหนัก 160 บาท ขณะที่ ททท.จะช่วยในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ในทุกสื่อที่มี
ทั้งนี้จากแคมเปญดังกล่าว ททท. มุ่งมั่นว่าจะช่วยกระตุ้นให้ตลาดคนไทยมุ่งเข้ามาเที่ยวในกรุงเทพฯเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดเทศกาล และวันหยุดสุดสัปดาห์ โดย ททท.จะบรรจุแคมเปญนี้เข้าอยู่ในปฎิทินส่งเสริมการท่องเที่ยวของ ททท. ตั้งเป้าช่วยกระตุ้นคนไทยเที่ยวกรุงเทพให้เติบโตอย่างน้อยปีละ 15-20%
สาเหตุที่ต้องออกแคมเปญแรงๆ เนื่องจากต้องยอมรับว่าปัจจุบันตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศซบเซา ซึ่งมาจากหลายสาเหตุ ทั้งปัจจัยการเมือง เศรษฐกิจ และเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการเดินทางซึ่งบางครั้งไม่ต่างจากการเที่ยวต่างประเทศในระยะใกล้ๆ เช่น สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง ดังนั้น จึงต้องนำเสนอกลยุทธ์ที่จะดึงความสนใจให้คนไทยกลับมาเที่ยวในประเทศ
หากดูจากสถิติเปรียบเทียบ 2 ปีที่ผ่านมา พบว่านักท่องเที่ยวคนไทยที่เข้ามาเที่ยวในกรุงเทพ เริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยปี 2548 ตลาดคนไทยเที่ยวกรุงเทพมีจำนวน 22,507,492 คน (เที่ยวแบบพักค้างคืน) และ คนไทยกลุ่มนักทัศนาจร มีจำนวน 12,368,212 คน (เที่ยวแบบมาเช้าเย็นกลับ)
ขณะที่ปี 2549 จำนวนคนไทยเที่ยวกรุงเทพ อยู่ที่ 15,603,434 คน ลดลงกว่า 30% และคนไทยกลุ่มนักทัศนาจร มีจำนวน 8,197,323 คน ลดลงกว่า 33% สาเหตุส่วนหนึ่งอาจมาจากสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปีก่อน ทั้งการชุมนุม และ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง และเหตุระเบิดในคืนก่อนวันขึ้นปีใหม่ ทำให้คนไทยเกิดความไม่มั่นใจในความปลอดภัย ดังนั้นแคมเปญนี้นอกจากกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศแล้ว ยังต้องการให้คนไทยทุกคนมั่นใจในความปลอดภัยของกรุงเทพฯและให้ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯคึกคักเหมือนเดิม ซึ่งยอมรับว่า คนไทยที่เข้ามาเที่ยวในกรุงเทพฯต่อปีมีจำนวนน้อยกว่าต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวกรุงเทพฯเสียอีก ทั้งที่กรุงเทพฯมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจและเหมาะกับทุกเพศวัย
สำหรับรายละเอียดของการเข้าร่วมท่องเที่ยวในแคมเปญนี้ ธนาคารกรุงไทย ได้จัดทำคู่มือการเดินทาง หรือ พาสสปอร์ต จำนวน 1 ล้าน เล่ม วางจำหน่ายราคาเล่มละ 9 บาท หาซื้อได้ที่ธนาคารกรุงไทยกว่า 500 สาขา ทั่วประเทศเริ่มเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 เมษายนศกนี้ โดยรายได้ทั้งหมดทูลเกล้าถวายมูลนิธิในโครงการสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในหนังสือคู่มือดังกล่าว จะบอกถึงเส้นทางการเดินทางในกรุงเทพ ซึ่ง ททท. จัดไว้ 3 เส้นทางหลัก ได้แก่ 1.เส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมความสัมพันธ์ไทย-จีน เช่น เที่ยวเยาวราช เป็นต้น 2.ไหว้พระ 9 วัด เสริมศิริมงคลดี...ปีกุน และ 3.เสน่ห์แห่งสายน้ำน้อยในเมืองหลวง ซึ่งในแต่ละเส้นทาง จะมี 9 จุดท่องเที่ยว และเมื่อนักท่องเที่ยวไปถึงจุดใดให้ประทับตราที่จุดนั้น โดยพาสสปอร์ตที่จะส่งชิงโชคต้องมีตราประทับจากจุดท่องเที่ยวอย่างน้อย 15 จุดขึ้นไป
“แคมเปญนี้จะมีการเก็บข้อมูล เพื่อเป็นตัวชี้วัดผลของการออกแคมเปญกระตุ้นตลาด โดยจะมีการเก็บสถิติการเดินทางของนักท่องเที่ยวตั้งแต่เริ่มเปิดตัวแคมเปญในเดือนเมษายนเป็นต้นไป อย่างเช่น สายการบินไทยแอร์เอเชีย ซึ่งปกติในเที่ยวบินที่ออกจากกรุงเทพไปจังหวัดต่างๆ ผู้โดยสารขาไปจะแน่นแต่ขากลับส่วนใหญ่จะว่าง โดยเฉพาะช่วงเทศกาล หรือวัดหยุดยาวอย่างสงกรานต์ ดังนั้น หากแคมเปญนี้ออกไป จะวัดได้ว่าขากลับของเที่ยวบินมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจำนวนเท่าใดเป็นต้น ซึ่งงานนี้ไทยแอร์เอเชียจะมีแคมเปญพิเศษให้แก่นักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมเช่นกัน”
อย่างไรก็ตามช่วงปลายปีนี้ หรือประมาณเดือนตุลาคม ททท.เตรียมจัดโครงการแข่งขันกอล์ฟระหว่างจังหวัด และระหว่างภูมิภาค เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางระหว่างกันมากขึ้น ซึ่งตรงนี้จะช่วยกระตุ้นนักท่องเที่ยวคนไทยระดับไฮเอนด์ได้อีกวิธีหนึ่ง ทั้งนี้ตลอดปีงบประมาณ 2551 ททท.จะเน้นสนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวตลาดในประเทศภายใต้คอนเซปต์ “สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง” เช่น การจัดแข่งจักรยานเสือภูเขา และล่องแก่ง เป็นต้น
นายธวัชชัย อรัญญิก ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาค ภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เตรียมเปิดตัวโครงการใหญ่ เพื่อกระตุ้นคนไทยให้เดินทางท่องเที่ยวตั้งแต่เดือนเมษายนไปจนถึงปลายปีนี้ ภายใต้แคมเปญ “เที่ยวกรุงเทพ สุขหรรษา” จุดประสงค์เพื่อเชิญชวนคนไทยในต่างจังหวัดให้เดินทางเข้ามาเที่ยวกรุงเทพฯ พร้อมกับกระตุ้นคนกรุงเทพให้เดินทางท่องเที่ยวภายในกรุงเทพฯด้วย
โดยโครงการนี้ ททท.ได้ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร บัตรเครดิตกรุงไทย (KTC) ,ธนาคารกรุงไทย และ สายการบิน ไทยแอร์เอเชีย เป็นต้น โดยนักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวภายใต้แคมเปญนี้สามารถร่วมชิงโชคลุ้นรับของรางวัลจาก KTC ซึ่งรางวัลที่ 1 เป็น ทองคำหนัก 80 บาท จับรางวัล 2 ครั้ง ในเดือนมิถุนายน และ ธันวาคม รวมทองคำหนัก 160 บาท ขณะที่ ททท.จะช่วยในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ในทุกสื่อที่มี
ทั้งนี้จากแคมเปญดังกล่าว ททท. มุ่งมั่นว่าจะช่วยกระตุ้นให้ตลาดคนไทยมุ่งเข้ามาเที่ยวในกรุงเทพฯเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดเทศกาล และวันหยุดสุดสัปดาห์ โดย ททท.จะบรรจุแคมเปญนี้เข้าอยู่ในปฎิทินส่งเสริมการท่องเที่ยวของ ททท. ตั้งเป้าช่วยกระตุ้นคนไทยเที่ยวกรุงเทพให้เติบโตอย่างน้อยปีละ 15-20%
สาเหตุที่ต้องออกแคมเปญแรงๆ เนื่องจากต้องยอมรับว่าปัจจุบันตลาดคนไทยเที่ยวในประเทศซบเซา ซึ่งมาจากหลายสาเหตุ ทั้งปัจจัยการเมือง เศรษฐกิจ และเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการเดินทางซึ่งบางครั้งไม่ต่างจากการเที่ยวต่างประเทศในระยะใกล้ๆ เช่น สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง ดังนั้น จึงต้องนำเสนอกลยุทธ์ที่จะดึงความสนใจให้คนไทยกลับมาเที่ยวในประเทศ
หากดูจากสถิติเปรียบเทียบ 2 ปีที่ผ่านมา พบว่านักท่องเที่ยวคนไทยที่เข้ามาเที่ยวในกรุงเทพ เริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด โดยปี 2548 ตลาดคนไทยเที่ยวกรุงเทพมีจำนวน 22,507,492 คน (เที่ยวแบบพักค้างคืน) และ คนไทยกลุ่มนักทัศนาจร มีจำนวน 12,368,212 คน (เที่ยวแบบมาเช้าเย็นกลับ)
ขณะที่ปี 2549 จำนวนคนไทยเที่ยวกรุงเทพ อยู่ที่ 15,603,434 คน ลดลงกว่า 30% และคนไทยกลุ่มนักทัศนาจร มีจำนวน 8,197,323 คน ลดลงกว่า 33% สาเหตุส่วนหนึ่งอาจมาจากสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปีก่อน ทั้งการชุมนุม และ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง และเหตุระเบิดในคืนก่อนวันขึ้นปีใหม่ ทำให้คนไทยเกิดความไม่มั่นใจในความปลอดภัย ดังนั้นแคมเปญนี้นอกจากกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศแล้ว ยังต้องการให้คนไทยทุกคนมั่นใจในความปลอดภัยของกรุงเทพฯและให้ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯคึกคักเหมือนเดิม ซึ่งยอมรับว่า คนไทยที่เข้ามาเที่ยวในกรุงเทพฯต่อปีมีจำนวนน้อยกว่าต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวกรุงเทพฯเสียอีก ทั้งที่กรุงเทพฯมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจและเหมาะกับทุกเพศวัย
สำหรับรายละเอียดของการเข้าร่วมท่องเที่ยวในแคมเปญนี้ ธนาคารกรุงไทย ได้จัดทำคู่มือการเดินทาง หรือ พาสสปอร์ต จำนวน 1 ล้าน เล่ม วางจำหน่ายราคาเล่มละ 9 บาท หาซื้อได้ที่ธนาคารกรุงไทยกว่า 500 สาขา ทั่วประเทศเริ่มเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 เมษายนศกนี้ โดยรายได้ทั้งหมดทูลเกล้าถวายมูลนิธิในโครงการสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในหนังสือคู่มือดังกล่าว จะบอกถึงเส้นทางการเดินทางในกรุงเทพ ซึ่ง ททท. จัดไว้ 3 เส้นทางหลัก ได้แก่ 1.เส้นทางท่องเที่ยววัฒนธรรมความสัมพันธ์ไทย-จีน เช่น เที่ยวเยาวราช เป็นต้น 2.ไหว้พระ 9 วัด เสริมศิริมงคลดี...ปีกุน และ 3.เสน่ห์แห่งสายน้ำน้อยในเมืองหลวง ซึ่งในแต่ละเส้นทาง จะมี 9 จุดท่องเที่ยว และเมื่อนักท่องเที่ยวไปถึงจุดใดให้ประทับตราที่จุดนั้น โดยพาสสปอร์ตที่จะส่งชิงโชคต้องมีตราประทับจากจุดท่องเที่ยวอย่างน้อย 15 จุดขึ้นไป
“แคมเปญนี้จะมีการเก็บข้อมูล เพื่อเป็นตัวชี้วัดผลของการออกแคมเปญกระตุ้นตลาด โดยจะมีการเก็บสถิติการเดินทางของนักท่องเที่ยวตั้งแต่เริ่มเปิดตัวแคมเปญในเดือนเมษายนเป็นต้นไป อย่างเช่น สายการบินไทยแอร์เอเชีย ซึ่งปกติในเที่ยวบินที่ออกจากกรุงเทพไปจังหวัดต่างๆ ผู้โดยสารขาไปจะแน่นแต่ขากลับส่วนใหญ่จะว่าง โดยเฉพาะช่วงเทศกาล หรือวัดหยุดยาวอย่างสงกรานต์ ดังนั้น หากแคมเปญนี้ออกไป จะวัดได้ว่าขากลับของเที่ยวบินมีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจำนวนเท่าใดเป็นต้น ซึ่งงานนี้ไทยแอร์เอเชียจะมีแคมเปญพิเศษให้แก่นักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมเช่นกัน”
อย่างไรก็ตามช่วงปลายปีนี้ หรือประมาณเดือนตุลาคม ททท.เตรียมจัดโครงการแข่งขันกอล์ฟระหว่างจังหวัด และระหว่างภูมิภาค เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางระหว่างกันมากขึ้น ซึ่งตรงนี้จะช่วยกระตุ้นนักท่องเที่ยวคนไทยระดับไฮเอนด์ได้อีกวิธีหนึ่ง ทั้งนี้ตลอดปีงบประมาณ 2551 ททท.จะเน้นสนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวตลาดในประเทศภายใต้คอนเซปต์ “สปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง” เช่น การจัดแข่งจักรยานเสือภูเขา และล่องแก่ง เป็นต้น