ผู้อำนวยการ ขสมก.ประกาศคืนชีพรถมินิบัสให้กลับมาเป็นรถโดยสารสาธารณะถูกกฎหมาย โดยเตรียมเสนอกรมการขนส่งทางบกเพื่อขอให้มีการต่อใบอนุญาตกลับมาวิ่งรับส่งผู้โดยสารอีกครั้ง
นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวถึงปัญหาที่ปัจจุบันรถมินิบัส กว่า 1,000 คัน ที่วิ่งรับส่งผู้โดยสารในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นรถที่ขาดใบอนุญาตประกอบการรถโดยสารสาธารณะว่า หลังจากที่รัฐบาลชุดที่ผ่านมา มีนโยบายจะไม่ต่อใบอนุญาตรถดังกล่าว เพื่อกดดันให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนรถ และนำรถใหม่ที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี มาให้บริการแทน แต่จนถึงปัจจุบัน นโยบายดังกล่าวไม่มีความคืบหน้า ทำให้รถมินิบัสเหล่านี้ ขาดใบอนุญาตมาเป็นเวลากว่า 8 เดือน ดังนั้น ในเร็ว ๆ นี้ ขสมก. จะทำหนังสือถึงกรมการขนส่งทางบก เพื่อขอให้ประกาศคุณสมบัติรถวิ่งให้บริการสาธารณะความยาว 6 เมตร อีกครั้ง เพื่อให้มีการต่อใบอนุญาตรถมินิบัส วิ่งรับส่งผู้โดยสารได้โดยถูกต้อง เพราะต้องยอมรับว่าปัจจุบัน ยังมีรถมินิบัสอยู่ในระบบจริง และก็มีเส้นทางวิ่งชัดเจน ซึ่งการจะให้รถเหล่านี้ ออกจากระบบ ขสมก. ก็ยังไม่สามารถจะหารถทั้ง 1,000 คัน มาบรรจุในเส้นทางเพื่อรับส่งผู้โดยสารแทนได้
ส่วนแนวทางการจัดการให้บริการของรถมินิบัสนั้น นายพิเณศวร์ กล่าวว่า หลังจากรถมินิบัส มีใบอนุญาต จะอยู่ในข่ายที่ ขสมก. จะขอเข้าโครงการเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นรถใช้ก๊าซเอ็นจีวี โดย บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) มีงบประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนเครื่องยนต์ และมีการหักเงินคืน โดยการบวกเพิ่มจากราคาเติมก๊าซเอ็นจีวี ในแต่ละครั้ง ซึ่งหลังจากรถเหล่านี้เปลี่ยนเครื่องเรียบร้อย ในอนาคต ขสมก. จะให้รถดังกล่าวมีการปรับเปลี่ยนเส้นทาง ไปวิ่งในถนนสายรอง ตรอก ซอย หรือเส้นทางใหม่ ตามแผนในระยะที่ 3 ของ ขสมก. ที่จะมีการเปิดเส้นทางใหม่ และปรับปรุงเส้นทางเพื่อให้การเดินรถ ขสมก. สอดคล้องกับระบบขนส่งอื่น เช่น ระบบรถไฟฟ้า และขนส่งประเภทอื่น ๆ
นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) กล่าวถึงปัญหาที่ปัจจุบันรถมินิบัส กว่า 1,000 คัน ที่วิ่งรับส่งผู้โดยสารในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นรถที่ขาดใบอนุญาตประกอบการรถโดยสารสาธารณะว่า หลังจากที่รัฐบาลชุดที่ผ่านมา มีนโยบายจะไม่ต่อใบอนุญาตรถดังกล่าว เพื่อกดดันให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนรถ และนำรถใหม่ที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี มาให้บริการแทน แต่จนถึงปัจจุบัน นโยบายดังกล่าวไม่มีความคืบหน้า ทำให้รถมินิบัสเหล่านี้ ขาดใบอนุญาตมาเป็นเวลากว่า 8 เดือน ดังนั้น ในเร็ว ๆ นี้ ขสมก. จะทำหนังสือถึงกรมการขนส่งทางบก เพื่อขอให้ประกาศคุณสมบัติรถวิ่งให้บริการสาธารณะความยาว 6 เมตร อีกครั้ง เพื่อให้มีการต่อใบอนุญาตรถมินิบัส วิ่งรับส่งผู้โดยสารได้โดยถูกต้อง เพราะต้องยอมรับว่าปัจจุบัน ยังมีรถมินิบัสอยู่ในระบบจริง และก็มีเส้นทางวิ่งชัดเจน ซึ่งการจะให้รถเหล่านี้ ออกจากระบบ ขสมก. ก็ยังไม่สามารถจะหารถทั้ง 1,000 คัน มาบรรจุในเส้นทางเพื่อรับส่งผู้โดยสารแทนได้
ส่วนแนวทางการจัดการให้บริการของรถมินิบัสนั้น นายพิเณศวร์ กล่าวว่า หลังจากรถมินิบัส มีใบอนุญาต จะอยู่ในข่ายที่ ขสมก. จะขอเข้าโครงการเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นรถใช้ก๊าซเอ็นจีวี โดย บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) มีงบประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนเครื่องยนต์ และมีการหักเงินคืน โดยการบวกเพิ่มจากราคาเติมก๊าซเอ็นจีวี ในแต่ละครั้ง ซึ่งหลังจากรถเหล่านี้เปลี่ยนเครื่องเรียบร้อย ในอนาคต ขสมก. จะให้รถดังกล่าวมีการปรับเปลี่ยนเส้นทาง ไปวิ่งในถนนสายรอง ตรอก ซอย หรือเส้นทางใหม่ ตามแผนในระยะที่ 3 ของ ขสมก. ที่จะมีการเปิดเส้นทางใหม่ และปรับปรุงเส้นทางเพื่อให้การเดินรถ ขสมก. สอดคล้องกับระบบขนส่งอื่น เช่น ระบบรถไฟฟ้า และขนส่งประเภทอื่น ๆ