xs
xsm
sm
md
lg

สยามร่วมมิตรชูกลยุทธ์สแน็กไม่ทอด คอร์นพัฟฟ์งัดภาพฮีโร่ลุย-ลุ้นเซเว่นฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สยามร่วมมิตร” ปรับกลยุทธ์ใหม่ ชูคอนเซ็ปต์รุกตลาดปี 2550  “สแน็กที่ไม่ทอด”  รับเทรนด์สุขภาพมาแรง อัดงบตลาดรวม 100 ล้านบาท หวังดันรายได้รวมเติบโต 10% พร้อมดันคอร์นพัฟฟ์รุกตลาดเต็มที่ อัดงบเพิ่ม 15 ล้านบาท ชูตลาดแนวฮีโร่ วางเป้ายอดขายโต 40% เดินหน้าเข้าเซเว่นฯ

นายชนินทร์ ยรรยง ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท สยามร่วมมิตร จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสแน็กภายใต้แบรนด์ ข้าวเกรียบกุ้งฮานามิ-รวยเพื่อน คอร์นพัฟฟ์ และเคนโด กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฯวางนโยบายในการทำตลาดผลิตภัณฑ์ทั้งหมดภายใต้คอนเซ็ปต์ Snack is not Fried หรือ สแน็กที่ไม่ทอด ในการบุกตลาด และปรับแพคเกจจิ้งใหม่หมดรวมทั้งการพิมพ์คอนเซ็ปต์และโลโก้ดังกล่าวไว้ด้วย  เพื่อรองรับกับเทรนด์ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแลและรักษาสุขภาพมากขึ้น เนื่องจากผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของบริษัทฯไม่มีกระบวนการทอดในการผลิต

โดยคาดว่ายอดขายรวมของบริษัทฯปีนี้จะมีอัตราการเติบโตประมาณ 10% จากยอดขายปีที่แล้วที่ทำได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท  โดยแบ่งเป็น ผลิตภัณฑ์แบรนด์ ฮานามิ เป็นรายได้หลักในสัดส่วน 50%  ข้าวเกรียบกุ้งรวยเพื่อนรองลงมาประมาณ 30%  เคนโด ซึ่งเริ่มทำตลาดเมื่อปีที่แล้วมีสัดส่วนประมาณ 15%  และสุดท้ายคือ คอร์นพัฟฟ์ ประมาณ 5% ซึ่งปีนี้บริษัทฯตั้งงบการตลาดโดยรวมไว้ที่ 100 ล้านบาท มากกว่าปีที่แล้ว

ส่วนแผนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของตลาดว่าจะเอื้ออำนวยมากน้อยแค่ไหน และเซ็กเม้นท์ของสแน็กประเภทใดบ้างที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี  แต่ในแง่ของธุรกิจแล้วก็ต้องสร้างการเติบโตตลอดเวลาทั้งจากผลิตภัณฑ์เก่าและผลิตภัณฑ์ใหม่ที่บริษัทฯมีความพร้อมและมีการศึกษาตลอดเวลา

ปัจจุบันตลาดสแน็กโดยรวมมีมูลค่าประมาณ  13,000 ล้านบาท  มีการเติบโตเฉลี่ย 5-10% ต่อปี ขึ้นอยู่กับแต่ละเซ็กเม้นท์ด้วย โดยกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดยังคงเป็น ตลาดมันฝรั่งทอด  สัดส่วนประมาณ  40%  รองลงมาคือ ขนมขึ้นรูปสัดส่วนประมาณ 30-35%  นอกนั้นก็ลดหลั่นลงมาเช่น ปลาเส้น 9%  ข้าวเกรียบกุ้ง ถั่ว  ข้าวโพด เป็นต้น

ล่าสุดในส่วนของผลิคภัณฑ์ข้าวโพด คอร์นพัฟฟ์ นั้น ปีนี้บริษัทฯมีแผนรุกตลาดเต็มที่หลังจากที่ไม่ได้ทำตลาดในเชิงรุกมานาน รวมทั้งเป็นการฉลองครบรอบ 20 ปีของแบรนด์คอร์นพัฟฟ์ด้วย  โดยตั้งงบการตลาดไว้ที่ 15 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่ใช้ 5 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายรายได้เฉพาะคอร์นพัฟฟ์ไว้ที่  120 ล้านบาท จากเดิมปีที่แล้วทำได้ 80 ล้านบาท หรือเติบโต40-50% ซึ่งมีส่วนแบ่งประมาณ 2% ในตลาดขนมขึ้นรูป

โดยในปีนี้วางเป้าหมายที่จะขยายช่องทางจำหน่ายคอร์นพัฟฟ์เข้าสู่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นและทำกิจกรรมตลาดโดยเฉพาะด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาและเตรียมพร้อม ส่วนแบรนด์อื่นของบริษัทฯมีวางจำหน่ายในร้านเซเว่นฯหมดแล้ว

สำหรับกลยุทธ์ที่จะใช้นั้นคือ ฮีโร่ มาร์เก็ตติ้ง เข้ามาทำตลาด ล่าสุดเป็นพันธมิตรในงาน ฮีโร่ ออลสตาร์ ของทางบริษัท อาร์เอส ไอ-ดรีม เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ที่จัดขึ้นที่อิมแพคอารีน่าเมืองทองธานี โดยบริษัทฯจะใช้ธีมของความเป็นฮีโร่มาทำตลาด

นอกจากนั้นแล้วในส่วนของผลิตภัณฑ์ได้มีการปรับแพคเกจจิ้งใหม่เพื่อให้ดูสดใส  และมีการออกรสชาติใหม่คือ รสซุปข้าวโพด เพื่อมาแทนรสชาติสไปซี่คอร์นซึ่งหยุดทำตลาดไปแล้ว ส่วนรสชาติดั้งเดิมนั้นยังมีการทำตลาดอยู่ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักของคอร์นพัฟฟ์คือ เด็กอายุ 6-11 ปี รองลงมาคือ 12-14 ปี
กำลังโหลดความคิดเห็น