ตลาดกล้องดิจิตอลเจอศึกหนัก หลังพบแนวโน้มใกล้ถึงจุดอิ่มตัวในอีก 1-2 ปีข้างหน้า ส่วนปีนี้การแข่งขันยังคงรุนแรง สู้กันด้วยเทคโนโลยี ซัมซุงเดินหน้าตามนโยบายบริษัทแม่ สู่ผู้นำตลาดโลกในอีก 3 ปี ล่าสุด เตรียมตบเท้าส่งกล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ลงศึกกว่า 20 รุ่น อัดเม็ดเงินอีก 100 ล้านบาท ทำตลาดเต็มตัว มั่นใจสิ้นปีมีรายได้เติบโตขึ้น 30% หรือกว่า 1,500 ล้านบาท พร้อมกระทุ้งแชร์ขยับขึ้นเป็น 15% จากมูลค่าตลาดรวมประมาณ 11,000 ล้านบาท ในปีนี้
นายเจ ควอน ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคเอเชียและกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช บริษัท ซัมซุง เทควิน จำกัด ดูแลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์กล้องดิจิตอล เปิดเผยว่า ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่สำคัญอีกประเทศหนึ่งในกลุ่มกล้องดิจิตอล เนื่องจากผู้บริโภคกำลังมีไลฟ์สไตล์ในการใช้กล้องดิจิตอลมากยิ่งขึ้น จึงทำให้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ตลาดกล้องดิจิตอลมีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง หรืออยู่ที่ประมาณปีละ 25% ส่วนในปีนี้มองว่าตลาดเริ่มมีความอิ่มตัวให้เห็นบ้างแล้ว จึงคาดว่า ทั้งปีตลาดจะเติบโตเพียง 15% เท่านั้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 11,000 ล้านบาท หรือประมาณ 920,000 ในแง่ยูนิต
อย่างไรก็ตาม ยังมองว่า คนไทยยังให้การตอบรับผลิตภัณฑ์กล้องดิจิตอลที่ดีอยู่ ดังนั้นทางบริษัทจึงมีแผนที่จะนำกล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดในปีนี้อีกกว่า 20 รุ่น ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แต่จะมีจุดเด่นในเรื่องของเทคโนโลยีที่พัฒนาให้สามารถใช้งานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น อาทิเช่น สามารถเป็นได้ทั้ง เอ็มพี3, กล้องถ่ายรูป กล้องถ่ายวิดีโอ โดยในปีนี้กล้องดิจิตอลที่จะมาเป็นไฟท์ติ้งโมเดล คือ รุ่น i7 และ i70 บนความละเอียดอยู่ที่ประมาณ 7 ล้านพิกเซล คาดว่า จะช่วยให้รายได้ในปีนี้เติบโตอีก 30% คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 15% ของตลาดรวมกล้องดิจิตอลทั้งหมด และเชื่อว่า ในอีก 3 ปี จะเป็นผู้นำได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ เกิดจากการที่บริษัทแม่ มีนโยบายที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดกล้องดิจิตอลระดับโลกในอีก 3 ปีข้างหน้านั้นเอง ดังนั้น สำหรับประเทศไทยในปีนี้ บริษัทได้เพิ่มงบการตลาดขึ้นอีกกว่า 1 เท่าตัว เทียบจากปี 2549 ที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท ในการทำกิจกรรมทางการตลาดทุกรูปแบบตลอดทั้งปี โดยมอบหมายให้ทางบริษัท เจ๊บเซ่น แอนด์ เจ๊สเซ่น มาร์เก็ตติ้ง (ที) จำกัด เป็นผู้ดูแลการทำตลาดในประเทศไทยทั้งหมด
ด้าน นายจรัสพงศ์ เจนจรัสสกุล ผู้จัดการทั่วไป-ผลิตภัณฑ์ดิจิตอลไลฟ์สไตล์ บริษัท เจ๊บเซ่น แอนด์ เจ๊สเซ่น มาร์เก็ตติ้ง (ที) จำกัด กล่าวเสริมว่า ทางซัมซุงจะทำการตลาดภายใต้กลยุทธ์ “นิววิชั่น” สู่ความเป็นผู้นำกล้องดิจิตอลระดับตามที่บริษัทแม่ได้วางเป้าหมายไว้ใน 3 ปี โดยในส่วนของการทำตลาดในไทยนั้น จะมุ่งเน้นทั้งในส่วนของลูกค้า พาร์ทเนอร์ และโปรดักส์ โดยในปี 2550 นี้ ต้องการที่จะมีผลประกอบในลักษณะแบบก้าวกระโดด จึงจะสามารถประสบความสำเร็จตามที่บริษัทแม่ต้องการได้
โดยในปีนี้ทางซัมซุงตั้งเป้าขึ้นเป็น 1 ใน 3 ผู้นำของตลาดกล้องดิจิตอลในไทย ด้วยการชูในเรื่องของการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ และที่สำคัญ ต้นทุนในการผลิตชิ้นส่วนประกอบทุกชิ้นที่มาจากโรงงานของซัมซุงเอง ล้วนแต่เป็นปัจจัยที่สำคัญ ในการที่จะทำให้ซัมซุงเติบโตแบบก้าวกระโดด จากที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 11% ในปีที่ผ่านมา หรือมีผลประกอบการกว่า 1,200 ล้านบาทนั้น ในปีนี้คาดว่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็น 15% หรือมีรายได้รวมกว่า 1,500 ล้านบาท
ขณะที่ปัจจุบันตลาดกล้องดิจิตอลปีนี้ คาดว่า จะมีมูลค่าประมาณ 11,000 ล้านบาทนั้น ในแง่ราคายังคงมีการปรับราคาลดลงตามสภาพของตลาดเช่นปีที่ผ่านมา หรือมีการปรับราคาลงอีก 10-15% ต่อปี ขณะเดียวกัน มองว่า ในปีนี้ กล้องดิจิตอล ความละเอียดที่ 5 ล้านพิกเซล จะเริ่มหายไปจากตลาด ซึ่งทางซัมซุงเองได้หยุดผลิตไปแล้วเช่นเดียวกัน โดยกล้องดิจิตอล ที่ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล จะเป็นฐานสินค้าที่สำคัญ ที่ผู้บริโภคนิยมเลือกซื้อมากที่สุด เนื่องจากราคาสามารถจับต้องได้ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 10% เป็นอันดับสาม รองจากกล้องดิจิตอลความละเอียดที่ 5 ล้านพิกเซล ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดกว่า 36% รองลงมาอยู่ที่ ความละเอียด 6 ล้านพิกเซล มีส่วนแบ่ง 29%
ทั้งนี้ ผู้นำตลาดกล้องดิจิตอล คือ โซนี่ มีส่วนแบ่งทางการตลาด 27% อันดับสอง คือ แคนนอน มีส่วนแบ่งทางการตลาด 12% อันดับสาม คือ ซัมซุง 11% ถัดมา คือ ฟูจิ ในอันดับที่สี่ มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 10%
นายเจ ควอน ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคเอเชียและกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช บริษัท ซัมซุง เทควิน จำกัด ดูแลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์กล้องดิจิตอล เปิดเผยว่า ประเทศไทยถือเป็นตลาดที่สำคัญอีกประเทศหนึ่งในกลุ่มกล้องดิจิตอล เนื่องจากผู้บริโภคกำลังมีไลฟ์สไตล์ในการใช้กล้องดิจิตอลมากยิ่งขึ้น จึงทำให้ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ตลาดกล้องดิจิตอลมีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง หรืออยู่ที่ประมาณปีละ 25% ส่วนในปีนี้มองว่าตลาดเริ่มมีความอิ่มตัวให้เห็นบ้างแล้ว จึงคาดว่า ทั้งปีตลาดจะเติบโตเพียง 15% เท่านั้น คิดเป็นมูลค่าประมาณ 11,000 ล้านบาท หรือประมาณ 920,000 ในแง่ยูนิต
อย่างไรก็ตาม ยังมองว่า คนไทยยังให้การตอบรับผลิตภัณฑ์กล้องดิจิตอลที่ดีอยู่ ดังนั้นทางบริษัทจึงมีแผนที่จะนำกล้องดิจิตอลรุ่นใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดในปีนี้อีกกว่า 20 รุ่น ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา แต่จะมีจุดเด่นในเรื่องของเทคโนโลยีที่พัฒนาให้สามารถใช้งานได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น อาทิเช่น สามารถเป็นได้ทั้ง เอ็มพี3, กล้องถ่ายรูป กล้องถ่ายวิดีโอ โดยในปีนี้กล้องดิจิตอลที่จะมาเป็นไฟท์ติ้งโมเดล คือ รุ่น i7 และ i70 บนความละเอียดอยู่ที่ประมาณ 7 ล้านพิกเซล คาดว่า จะช่วยให้รายได้ในปีนี้เติบโตอีก 30% คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 15% ของตลาดรวมกล้องดิจิตอลทั้งหมด และเชื่อว่า ในอีก 3 ปี จะเป็นผู้นำได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ เกิดจากการที่บริษัทแม่ มีนโยบายที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดกล้องดิจิตอลระดับโลกในอีก 3 ปีข้างหน้านั้นเอง ดังนั้น สำหรับประเทศไทยในปีนี้ บริษัทได้เพิ่มงบการตลาดขึ้นอีกกว่า 1 เท่าตัว เทียบจากปี 2549 ที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท ในการทำกิจกรรมทางการตลาดทุกรูปแบบตลอดทั้งปี โดยมอบหมายให้ทางบริษัท เจ๊บเซ่น แอนด์ เจ๊สเซ่น มาร์เก็ตติ้ง (ที) จำกัด เป็นผู้ดูแลการทำตลาดในประเทศไทยทั้งหมด
ด้าน นายจรัสพงศ์ เจนจรัสสกุล ผู้จัดการทั่วไป-ผลิตภัณฑ์ดิจิตอลไลฟ์สไตล์ บริษัท เจ๊บเซ่น แอนด์ เจ๊สเซ่น มาร์เก็ตติ้ง (ที) จำกัด กล่าวเสริมว่า ทางซัมซุงจะทำการตลาดภายใต้กลยุทธ์ “นิววิชั่น” สู่ความเป็นผู้นำกล้องดิจิตอลระดับตามที่บริษัทแม่ได้วางเป้าหมายไว้ใน 3 ปี โดยในส่วนของการทำตลาดในไทยนั้น จะมุ่งเน้นทั้งในส่วนของลูกค้า พาร์ทเนอร์ และโปรดักส์ โดยในปี 2550 นี้ ต้องการที่จะมีผลประกอบในลักษณะแบบก้าวกระโดด จึงจะสามารถประสบความสำเร็จตามที่บริษัทแม่ต้องการได้
โดยในปีนี้ทางซัมซุงตั้งเป้าขึ้นเป็น 1 ใน 3 ผู้นำของตลาดกล้องดิจิตอลในไทย ด้วยการชูในเรื่องของการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ และที่สำคัญ ต้นทุนในการผลิตชิ้นส่วนประกอบทุกชิ้นที่มาจากโรงงานของซัมซุงเอง ล้วนแต่เป็นปัจจัยที่สำคัญ ในการที่จะทำให้ซัมซุงเติบโตแบบก้าวกระโดด จากที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 11% ในปีที่ผ่านมา หรือมีผลประกอบการกว่า 1,200 ล้านบาทนั้น ในปีนี้คาดว่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็น 15% หรือมีรายได้รวมกว่า 1,500 ล้านบาท
ขณะที่ปัจจุบันตลาดกล้องดิจิตอลปีนี้ คาดว่า จะมีมูลค่าประมาณ 11,000 ล้านบาทนั้น ในแง่ราคายังคงมีการปรับราคาลดลงตามสภาพของตลาดเช่นปีที่ผ่านมา หรือมีการปรับราคาลงอีก 10-15% ต่อปี ขณะเดียวกัน มองว่า ในปีนี้ กล้องดิจิตอล ความละเอียดที่ 5 ล้านพิกเซล จะเริ่มหายไปจากตลาด ซึ่งทางซัมซุงเองได้หยุดผลิตไปแล้วเช่นเดียวกัน โดยกล้องดิจิตอล ที่ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล จะเป็นฐานสินค้าที่สำคัญ ที่ผู้บริโภคนิยมเลือกซื้อมากที่สุด เนื่องจากราคาสามารถจับต้องได้ โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 10% เป็นอันดับสาม รองจากกล้องดิจิตอลความละเอียดที่ 5 ล้านพิกเซล ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดกว่า 36% รองลงมาอยู่ที่ ความละเอียด 6 ล้านพิกเซล มีส่วนแบ่ง 29%
ทั้งนี้ ผู้นำตลาดกล้องดิจิตอล คือ โซนี่ มีส่วนแบ่งทางการตลาด 27% อันดับสอง คือ แคนนอน มีส่วนแบ่งทางการตลาด 12% อันดับสาม คือ ซัมซุง 11% ถัดมา คือ ฟูจิ ในอันดับที่สี่ มีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 10%