เดอะมอลล์ กรุ๊ป ควัก 50 ล้านบาท รุกเดินหน้าจัดกิจกรรมสร้างแบรนด์สปอร์ตมอลล์ เต็มพิกัด พร้อมกับปรับเพิ่มโซนขาย รับการโตกลุ่มสินค้าสปอร์ต ปีนี้แรง เชื่อจากการทำตลาดยอดสิ้นปีพุ่งกวาด 2 พันล้านบาทแน่
นายสุนทร สุรีย์เหลืองขจร ผู้จัดการฝ่ายอาวุโสจัดหาสินค้า สปอร์ต มอลล์ บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า แผนการทำตลาดในปีนี้ได้เตรียมงบประมาณไว้กว่า 50 ล้านบาท เพื่อรุกจัดกิจกรรมตลอดทั้งปีให้เพิ่มมากขึ้น พร้อมกับการปรับปรุงโซนและเพิ่มพื้นที่ขาย
เบื้องต้นจะทำการปรับส่วนของ Women Sport mall คือ โซนที่ขายอุปกรณ์ เสื้อผ้ากีฬาของผู้หญิงเพิ่มขึ้นอีก ให้มีความสมบูรณ์แบบทั้งสินค้าและการจัดวาง รวมทั้งปรับรูปแบบดีไซน์ร้านให้สอดรับกับกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์รุ่นใหม่ ภายหลังจากที่ได้เริ่มปรับมาแล้วบ้างบางส่วนในช่วงปี 2549
นอกจากการปรับโซนดังกล่าวแล้ว บริษัทยังเตรียมเพิ่มโซนขายใหม่ ภายใต้ ชื่อ Sport kids สปอร์ต คิดส์ ซึ่งเป็นโซนใหม่ ที่ขายเฉพาะสินค้ารองเท้าโดยเฉพาะ จับกลุ่มเป้าหมายเด็กประถมไปจนถึงมัธยม ที่มีช่วงอายุระหว่าง 8-12 ปี
ทั้งนี้ สาเหตุที่บริษัทเลือกการเพิ่มโซนขายสินค้านี้ขึ้นมา เนื่องมาจากยังเห็นช่องว่างในตลาดของสินค้ากลุ่มเด็กช่วงอายุเท่านี้ยังมีอยู่อีกมาก จะเห็นได้จากในตลาดกลุ่มสินค้าที่เป็นรองเท้าจะยังไม่มีใครจัดทำขึ้นมาเป็นเอกเทศ
ปัจจุบันบริษัท มี สปอร์ต มอลล์ จำนวนทั้งหมดอยู่ 8 สาขา ซึ่งสามารถครอบคลุมกลุ่มลูกค้าได้เป็นจำนวนมาก และสามารถทำยอดขายได้เป็นอย่างดี ซึ่งสามารถกินแชร์ในตลาดได้กว่า 20% ซึ่งจากแผนการทำตลาดที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมกับการโฟกัสกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ บริษัทได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการสร้างยอดรายได้เพิ่มเติม ผสมผสานกับการขยายฐานกลุ่มลูกค้าออกสู่วงกว้างให้มีความหลากหลาย ดังนั้น บริษัทเชื่อว่า จะทำให้ สปอร์ตมอลล์ มีความสมบูรณ์แบบมากขึ้นและส่งผลต่อผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับผลประกอบการ สปอร์ต มอลล์ ปีนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายมีอัตราการเติบโตประมาณ 15% หรือมียอดขายรวมประมาณ 2,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่มีรายได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 30% จากปีก่อนหน้า โดยกลุ่มเสื้อผ้าและรองเท้ากีฬามียอดขายเป็นอันดับหนึ่ง หรือคิดเป็นสัดส่วนรายได้ 50% กลุ่มสินค้าฟิตเนต 25% และอุปกรณ์กอล์ฟ 25%
ขณะที่ภาพรวมตลาดอุปกรณ์และเสื้อผ้ากีฬา มีมูลค่า 18,000 ล้านบาท ในปีนี้คาดว่ามีอัตราการเติบโตประมาณ 10% เนื่องจากผู้บริโภคหันมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพมากขึ้น สวนกระแสกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง เนื่องจากภาวะที่คนยิ่งเครียดมากเท่าใด ก็จะหันมาใส่ใจกับเรื่องสุขภาพมากขึ้น ซึ่งนั่นเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้บริษัทจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนการทำตลาดและการนำเสนอสินค้าให้เข้ากับไลฟ์สไตล์กลุ่มลูกค้ามากที่สุด
