เซ็นทรัลรีเทล โชว์ผลงานปี 2549 โกยยอด 71,770 ล้านบาท เติบโต 4.6% โฮมเวิร์คนำโด่ง โตมากที่สุด 40% ตั้งเป้าปีนี้รายได้ 78,450 ล้านบาท เติบโต 9.3% วางงบลงทุนรวม 5,400 ล้านบาท
นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ผลประกอบการโดยรวมของธุรกิจค้าปลีกในเครือเซ็นทรัลรีเทล ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ เมื่อเทียบกับภาวะความผันผวน และการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การเมือง และกฎหมายค้าปลีก ซึ่งส่งผลด้านจิตวิทยาต่อพฤติกรรมของลูกค้าทั่วไป
โดยเมื่อสิ้นปี 2549 ที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราการเติบโตจากยอดขายรวมที่ 4.6% คิดเป็นยอดขาย 71,770 ล้านบาท ทั้งนี้ หน่วยธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตมาก ได้แก่ HomeWorks มีอัตราการเติบโต 40% และ Supersports, Robinson, Power Buy มีอัตราการเติบโตมากกว่า 10% สำหรับปี 2550 เซ็นทรัลรีเทลได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตทั้งปีไว้ 9.3% หรือคิดเป็นยอดขาย 78,450 ล้านบาท
ด้านการลงทุนในปี 2549 ที่ผ่านมา เซ็นทรัลรีเทลได้ใช้งบลงทุนไปทั้งหมด 4,320 ล้านบาท โดยหลักๆ ใช้ในโครงการ CRC Flagship Store ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งประกอบด้วย Power Buy Supersports B2S และ Central Food Hall
สำหรับการปรับปรุงสาขาและการเปิดสาขาใหม่ ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า ZEN ได้เปิดให้บริการเมื่อเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ได้เปิดสาขารัตนาธิเบศร์ และสาขาอยุธยาพาร์ค การปรับปรุงศูนย์การค้าที่วงศ์สว่าง ส่วนสาขาต่างๆ ของธุรกิจในเครือที่เปิดเพิ่ม ได้แก่ ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต (Tops Supermarket) เพาเวอร์บาย (Power Buy) ซูเปอร์สปอร์ต (Supersports) บีทูเอส (B2S) โฮมเวิร์ค (HomeWorks) และออฟฟิศ ดีโป (Office Depot) รวมกว่า 60 สาขา นอกจากนี้ บริษัทยังได้เข้าถือหุ้น จำนวน 39.1% ใน PageOne ซึ่งเป็นบริษัทผู้แทนค้าปลีกหนังสือ และจัดจำหน่ายหนังสือระหว่างประเทศ และดำเนินธุรกิจด้านสำนักพิมพ์
ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งงบประมาณลงทุนไว้ 5,400 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นการลงทุนในการเปิดสาขาใหม่ของหน่วยธุรกิจในเครือทั้งที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยเฉพาะ 4 โครงการที่ทำร่วมกับบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) จำกัด (มหาชน) ได้แก่ โครงการแจ้งวัฒนะ โครงการพัทยา โครงการชลบุรี และโครงการขอนแก่น
นายทศ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ผลประกอบการโดยรวมของธุรกิจค้าปลีกในเครือเซ็นทรัลรีเทล ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ เมื่อเทียบกับภาวะความผันผวน และการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ การเมือง และกฎหมายค้าปลีก ซึ่งส่งผลด้านจิตวิทยาต่อพฤติกรรมของลูกค้าทั่วไป
โดยเมื่อสิ้นปี 2549 ที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราการเติบโตจากยอดขายรวมที่ 4.6% คิดเป็นยอดขาย 71,770 ล้านบาท ทั้งนี้ หน่วยธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตมาก ได้แก่ HomeWorks มีอัตราการเติบโต 40% และ Supersports, Robinson, Power Buy มีอัตราการเติบโตมากกว่า 10% สำหรับปี 2550 เซ็นทรัลรีเทลได้ตั้งเป้าอัตราการเติบโตทั้งปีไว้ 9.3% หรือคิดเป็นยอดขาย 78,450 ล้านบาท
ด้านการลงทุนในปี 2549 ที่ผ่านมา เซ็นทรัลรีเทลได้ใช้งบลงทุนไปทั้งหมด 4,320 ล้านบาท โดยหลักๆ ใช้ในโครงการ CRC Flagship Store ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งประกอบด้วย Power Buy Supersports B2S และ Central Food Hall
สำหรับการปรับปรุงสาขาและการเปิดสาขาใหม่ ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า ZEN ได้เปิดให้บริการเมื่อเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ได้เปิดสาขารัตนาธิเบศร์ และสาขาอยุธยาพาร์ค การปรับปรุงศูนย์การค้าที่วงศ์สว่าง ส่วนสาขาต่างๆ ของธุรกิจในเครือที่เปิดเพิ่ม ได้แก่ ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต (Tops Supermarket) เพาเวอร์บาย (Power Buy) ซูเปอร์สปอร์ต (Supersports) บีทูเอส (B2S) โฮมเวิร์ค (HomeWorks) และออฟฟิศ ดีโป (Office Depot) รวมกว่า 60 สาขา นอกจากนี้ บริษัทยังได้เข้าถือหุ้น จำนวน 39.1% ใน PageOne ซึ่งเป็นบริษัทผู้แทนค้าปลีกหนังสือ และจัดจำหน่ายหนังสือระหว่างประเทศ และดำเนินธุรกิจด้านสำนักพิมพ์
ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งงบประมาณลงทุนไว้ 5,400 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นการลงทุนในการเปิดสาขาใหม่ของหน่วยธุรกิจในเครือทั้งที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยเฉพาะ 4 โครงการที่ทำร่วมกับบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) จำกัด (มหาชน) ได้แก่ โครงการแจ้งวัฒนะ โครงการพัทยา โครงการชลบุรี และโครงการขอนแก่น