รมว.คมนาคม ประกาศยกเลิกการจัดซื้อรถเอ็นจีวีใหม่ 2,000 คัน เนื่องจากภาครัฐมีวงเงินลงทุนจำกัด โดยจะนำรถเมล์ที่มีอยู่เดิม 3,500 คัน มาติดตั้งเครื่องยนต์เป็นก๊าซเอ็นจีวีแทน เตรียมเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาจัดหาเงินกู้กว่า 11,000 ล้านบาท ใช้หนี้ค่าน้ำมันให้แก่ ปตท.พรุ่งนี้ (13 มี.ค.)

วันนี้ (12 มี.ค.) พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เดินทางตรวจเยี่ยมองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ก่อนเปิดเผยว่า การหารือกับผู้บริหาร ขสมก.วันนี้ เพื่อติดตามงานที่เคยได้ให้นโยบายไว้ โดยเฉพาะแผนการปรับโครงสร้างกิจการของ ขสมก.ซึ่งวันพรุ่งนี้ (13 มี.ค.) กระทรวงคมนาคมจะเสนอวาระให้คณะรัฐมนตรีจัดหาแหล่งเงินกู้วงเงินกว่า 11,000 ล้านบาท เพื่อให้ ขสมก.นำไปชำระคืนหนี้ค่าน้ำมันของ บมจ.ปตท.และหนี้ค่าซ่อมบำรุงเดิม 1,400 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลดีช่วยลดภาระหนี้ที่ ขสมก.มีอยู่เดิม
สำหรับแผนการลงทุนใหม่ในการจัดหารถใช้ก๊าซเอ็นจีวีให้บริการ ซึ่งเดิม ขสมก.มีแผนจะจัดซื้อรถใหม่จำนวน 2,000 คันนั้น ล่าสุด กระทรวงคมนาคมได้เห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการ ขสมก.ชุดใหม่ ให้ยกเลิกการจัดซื้อรถจำนวนดังกล่าว เนื่องจากสภาพปัจจุบันภาครัฐมีวงเงินลงทุนจำกัด และจากการตรวจสอบสภาพรถ ขสมก.ในปัจจุบันยังสามารถนำมาปรับปรุงเพื่อติดตั้งก๊าซเอ็นจีวีได้
ด้าน นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการ ขสมก.กล่าวว่า ในส่วนของการเปลี่ยนเครื่องยนต์รถเมล์โดยสารที่ ขสมก.มีอยู่ในปัจจุบัน ฝ่ายบริหารจะนำเข้าหารือกับคณะกรรมการอีกครั้ง แต่ในเบื้องต้นหากสภาพรถทั้ง 3,500 คัน ที่ ขสมก.มีอยู่ในปัจจุบันมีความพร้อมก็จะดำเนินการเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นก๊าซเอ็นจีวีทั้งหมด ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะส่งผลดีช่วยลดค่าซ่อมบำรุงแต่ละปีไม่น้อยกว่า 1,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ ขสมก.จะเร่งรัดการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการที่เคยทำการศึกษาไว้แล้ว แต่ฝ่ายบริหารของ ขสมก.ชุดใหม่จะนำมาทบทวน คาดว่า จะแล้วเสร็จเพื่อเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีก่อนเดือนกันยายน 2550 ซึ่งเนื้อหาสำคัญของแผนฟื้นฟูฉบับใหม่จะพุ่งเป้าไปที่การพยายามลดผลขาดทุนที่ ขสมก.มีไม่น้อยกว่าปีละ 6,000 ล้านบาท โดย ขสมก.จะมีแผนนำระบบตั๋วโดยสารอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ ซึ่งจะทำให้รถเมล์ในอนาคตไม่จำเป็นต้องมีพนักงานเก็บค่าโดยสาร โดยพนักงานส่วนนี้จะถูกโอนย้ายไปทำหน้าที่อื่น เช่น ประชาสัมพันธ์พนักงานบริการ หรือเข้าร่วมโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด
วันนี้ (12 มี.ค.) พล.ร.อ.ธีระ ห้าวเจริญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายสรรเสริญ วงศ์ชะอุ่ม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เดินทางตรวจเยี่ยมองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ก่อนเปิดเผยว่า การหารือกับผู้บริหาร ขสมก.วันนี้ เพื่อติดตามงานที่เคยได้ให้นโยบายไว้ โดยเฉพาะแผนการปรับโครงสร้างกิจการของ ขสมก.ซึ่งวันพรุ่งนี้ (13 มี.ค.) กระทรวงคมนาคมจะเสนอวาระให้คณะรัฐมนตรีจัดหาแหล่งเงินกู้วงเงินกว่า 11,000 ล้านบาท เพื่อให้ ขสมก.นำไปชำระคืนหนี้ค่าน้ำมันของ บมจ.ปตท.และหนี้ค่าซ่อมบำรุงเดิม 1,400 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลดีช่วยลดภาระหนี้ที่ ขสมก.มีอยู่เดิม
สำหรับแผนการลงทุนใหม่ในการจัดหารถใช้ก๊าซเอ็นจีวีให้บริการ ซึ่งเดิม ขสมก.มีแผนจะจัดซื้อรถใหม่จำนวน 2,000 คันนั้น ล่าสุด กระทรวงคมนาคมได้เห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการ ขสมก.ชุดใหม่ ให้ยกเลิกการจัดซื้อรถจำนวนดังกล่าว เนื่องจากสภาพปัจจุบันภาครัฐมีวงเงินลงทุนจำกัด และจากการตรวจสอบสภาพรถ ขสมก.ในปัจจุบันยังสามารถนำมาปรับปรุงเพื่อติดตั้งก๊าซเอ็นจีวีได้
ด้าน นายพิเณศวร์ พัวพัฒนกุล ผู้อำนวยการ ขสมก.กล่าวว่า ในส่วนของการเปลี่ยนเครื่องยนต์รถเมล์โดยสารที่ ขสมก.มีอยู่ในปัจจุบัน ฝ่ายบริหารจะนำเข้าหารือกับคณะกรรมการอีกครั้ง แต่ในเบื้องต้นหากสภาพรถทั้ง 3,500 คัน ที่ ขสมก.มีอยู่ในปัจจุบันมีความพร้อมก็จะดำเนินการเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นก๊าซเอ็นจีวีทั้งหมด ซึ่งนโยบายดังกล่าวจะส่งผลดีช่วยลดค่าซ่อมบำรุงแต่ละปีไม่น้อยกว่า 1,500 ล้านบาท
นอกจากนี้ ขสมก.จะเร่งรัดการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการที่เคยทำการศึกษาไว้แล้ว แต่ฝ่ายบริหารของ ขสมก.ชุดใหม่จะนำมาทบทวน คาดว่า จะแล้วเสร็จเพื่อเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีก่อนเดือนกันยายน 2550 ซึ่งเนื้อหาสำคัญของแผนฟื้นฟูฉบับใหม่จะพุ่งเป้าไปที่การพยายามลดผลขาดทุนที่ ขสมก.มีไม่น้อยกว่าปีละ 6,000 ล้านบาท โดย ขสมก.จะมีแผนนำระบบตั๋วโดยสารอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ ซึ่งจะทำให้รถเมล์ในอนาคตไม่จำเป็นต้องมีพนักงานเก็บค่าโดยสาร โดยพนักงานส่วนนี้จะถูกโอนย้ายไปทำหน้าที่อื่น เช่น ประชาสัมพันธ์พนักงานบริการ หรือเข้าร่วมโครงการเกษียณอายุก่อนกำหนด