นักวิชาการทีดีอาร์ไอ เสนออนาคตไอทีวีเป็นสื่อสาธารณะ พร้อมเสนอรัฐบาลออกกฎหมายพิเศษรองรับเช่นเดียวกับบีบีซี โดยจะต้องนำเสนอข่าว และรายการที่เป็นสาระ เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติ หวั่นหากรัฐเป็นเจ้าของจะมีสภาพเช่นเดียวกับช่อง 11
นายสมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ ผู้อำนวยการวิจัย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า อนาคตไอทีวีควรจะกำหนดให้เป็นสื่อสาธารณะ โดยรัฐบาลจะต้องออกกฎหมายพิเศษรองรับเช่นเดียวกับบีบีซี ซึ่งจะต้องนำเสนอข่าวและรายการที่เป็นสาระ เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติ เพราะถ้าต้องการให้เป็นสื่อสาธารณะ แต่เปิดโอกาสให้เอกชน หรือรัฐเป็นเจ้าของจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ เพราะถ้ารัฐเป็นเจ้าของก็จะมีสภาพเช่นเดียวกับช่อง 11 ขณะที่ภาคเอกชนเป็นเจ้าของก็จะต้องมุ่งทำธุรกิจ และต้องไม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ด้วย
นายสมเกียรติ กล่าวว่า จากมติคณะรัฐมนตรี ส่งผลให้เกิดต้นทุน เพราะสถานีโทรทัศน์เมื่อหยุดออกอากาศ ก็คือ ความเสียหาย ซึ่งในความเป็นจริง ถ้าก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้เสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความว่า กรมประชาสัมพันธ์สามารถรับดำเนินการต่อเนื่องได้หรือไม่ ไอทีวีก็อาจต้องไม่หยุดแพร่ภาพออกอากาศ อย่างไรก็ตาม กรณีที่พนักงานได้มีการร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้คุ้มครองนั้น โดยส่วนตัวเชื่อว่า ในที่สุด ศาลปกครองจะไม่มีคำสั่งคุ้มครอง เพราะไม่ใช่ขอบเขตอำนาจศาล ดังนั้น การหยุดออกอากาศของไอทีวี ควรจะให้สั้นที่สุด และรีบวางแผนระยะยาวสำหรับสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ต่อไป
นายสมเกียรติ ตั้งกิจวาณิชย์ ผู้อำนวยการวิจัย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า อนาคตไอทีวีควรจะกำหนดให้เป็นสื่อสาธารณะ โดยรัฐบาลจะต้องออกกฎหมายพิเศษรองรับเช่นเดียวกับบีบีซี ซึ่งจะต้องนำเสนอข่าวและรายการที่เป็นสาระ เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติ เพราะถ้าต้องการให้เป็นสื่อสาธารณะ แต่เปิดโอกาสให้เอกชน หรือรัฐเป็นเจ้าของจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ เพราะถ้ารัฐเป็นเจ้าของก็จะมีสภาพเช่นเดียวกับช่อง 11 ขณะที่ภาคเอกชนเป็นเจ้าของก็จะต้องมุ่งทำธุรกิจ และต้องไม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ด้วย
นายสมเกียรติ กล่าวว่า จากมติคณะรัฐมนตรี ส่งผลให้เกิดต้นทุน เพราะสถานีโทรทัศน์เมื่อหยุดออกอากาศ ก็คือ ความเสียหาย ซึ่งในความเป็นจริง ถ้าก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้เสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความว่า กรมประชาสัมพันธ์สามารถรับดำเนินการต่อเนื่องได้หรือไม่ ไอทีวีก็อาจต้องไม่หยุดแพร่ภาพออกอากาศ อย่างไรก็ตาม กรณีที่พนักงานได้มีการร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้คุ้มครองนั้น โดยส่วนตัวเชื่อว่า ในที่สุด ศาลปกครองจะไม่มีคำสั่งคุ้มครอง เพราะไม่ใช่ขอบเขตอำนาจศาล ดังนั้น การหยุดออกอากาศของไอทีวี ควรจะให้สั้นที่สุด และรีบวางแผนระยะยาวสำหรับสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ต่อไป