xs
xsm
sm
md
lg

วีต้าพาร์โก้ส่ง“เซนิเดิร์ม” รุกตลาด จับสาวออฟฟิศคาดปีแรกขายได้20ล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วีต้า พาร์โก้ ปั้นแบรนด์ “เซนิเดิร์ม” จากเยอรมนี เพิ่มอีก 1 แบรนด์ ชี้กลุ่มรักผิวเป๋าตุงกล้าใช้เงิน เทรนด์สาวออฟฟิศมาแรงสุด พร้อมดึง 2 สาวคนดัง ดีเจ คลื่น 95.5 “เวอร์จิ้น ฮิต” ประกบ ดร. ภาวิไล หัวหน้าภาควิชาเปียโน วิทยาลัยดนตรีมหาวิทยาลัยรังสิต เชื่อมั่นสิ้นปีดันยอดถึง 20 ล้านบาท

นางสาวศิริพร กิตติวงศ์โสภณ ผู้จัดการทั่วไป บริษัทวีต้า พาร์โก้จำกัด ผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์เวชสำอาง “ชิมาบูเอ้”และ “วินเชเร่” เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัว“เซนิเดิร์ม” ซึ่งเป็นเวชสำอางที่นำเข้าจากประเทศเยอรมนีในช่วงไตรมาสแรก จะเริ่มแนะนำสินค้าหลัก คือ “เซนิเดิร์ม เซลล์ลูล่า รีนิววอล ซีรั่ม” เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงวัย 20-35 ปี

โดยจะใช้งบประมาณทางการตลาด 30% ของยอดขายเพื่อแนะนำสินค้าใหม่สู่ตลาด โดยแบ่งเป็นการโฆษณาผ่านสื่อ โดยเน้นสื่อนิตยสารสำหรับผู้หญิงวัยทำงานเป็นหลัก อีกทั้งยังมีการใช้พรีเซ็นเตอร์ในการทดลองใช้สินค้า อาทิ ดีเจ “นวพร เต่าทอง” คลื่น95.5 เวอร์จิ้น ฮิต และดร.ภาวิไล นักดนตรีเปียโน และจัดทำเป็นโฆษณาลงในนิตยสารต่อไป

ส่วนกิจกรรมที่ไม่ผ่านสื่อ จะเน้นการทำกิจกรรม ณ จุดขาย อาทิ การตรวจสภาพผิว การให้ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์รวมทั้งการออกโรดโชว์ไปตามสำนักงานต่างๆ ทั้งนี้ในไตรมาสที่ 2 จะทยอยแนะนำสินค้าตัวอื่นเข้ามาเพิ่มเติม รวม 4 รายการ โดยคาดว่าในปีนี้ “เซนิเดิร์ม” จะมียอดขายประมาณ 20 ล้านบาท และส่งผลถึงภาพรวมของบริษัทที่มีอัตราการเติบโตประมาณ 15% ขณะที่ปีที่ผ่านมา บริษัทมีการเติบโต 10%

สาเหตุของการเปิดตัว “เซนิเดิร์ม” ซึ่งเป็นเวชสำอางที่มุ่งเน้นการดูแลและกระชับผิว เพื่อผิวอ่อนเยาว์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังมีการเติบโตอีกมากต่างจากกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาว ซึ่งมีการแข่งขันสูง จากตลาดที่เติบโตมากในปีที่ผ่านมา และมีแบรนด์เข้ามาทำตลาดมากกว่าผลิตภัณฑ์กลุ่มอื่น อีกทั้งในครึ่งปีหลังของปี 2549 ทางภาครัฐได้เข้ามากำกับดูแลผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาวอย่างเคร่งครัด เนื่องจากมีกระแสข่าวด้านลบของผลิตภัณฑ์ประเภทนี้หลายครั้ง ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ผู้บริโภคไม่เชื่อมั่นกับผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าว โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ไม่เคยทำตลาดมาก่อน ดังนั้นบริษัทจึงยังไม่มีแผนนำเข้าผลิตภัณฑ์เพื่อผิวขาว ซึ่งเป็นกลุ่มใหม่ของสาวเอเชีย แต่จะมุ่งหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและผ่านการทดสอบแล้วว่าเหมาะสมกับผิวคนไทย

สำหรับช่องทางการจัดจำหน่าย บริษัทยังคงใช้ช่องทางร้านขายยา เพื่อวางจำหน่ายสินค้าทั้ง 3 แบรนด์ โดยปัจจุบันมีร้านขายยาทั่วไป และร้านขายยาสมัยใหม่ อาทิ ร้านบูท ฟาสซิโน และพีแอนด์เอฟฯลฯ รวม 300 ร้านอยู่ในต่างจังหวัด 50% และกรุงเทพ 50% โดยคาดว่าในปีนี้ ช่องทางการจัดจำหน่ายของบริษัทจะเติบโตตามการขยายตัวของร้านขายยาประมาณ 15%

ส่วนกลยุทธ์ที่สำคัญของการทำตลาดเวชสำอาง คือ การให้ความรู้กับพนักงานจำหน่ายสินค้า ซึ่งจะเป็นตัวกลางในการสื่อสารระหว่างแบรนด์และผู้บริโภคโดยตรง รวมทั้งการบริการ ณ จุดขายตรงสู่กลุ่มเป้าหมาย นอกจากนั้นยังมีการทำ CRM ผ่านสมาชิกของชิมาบูเอ้ ที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 7,000 ราย เป็นสมาชิกที่มีความเคลื่อนไหว 5,000 ราย โดยจัดส่งเป็นวารสาร “Health and Beauty” ราย 2 เดือน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจ ในปีที่ จะมีทิศทางไม่สดใสนัก แต่จะไม่กระทบกับกลุ่มสินค้าประเภทความสวยงามโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ซึ่งผู้หญิงในปัจจุบันให้ความสำคัญมากกว่าในอดีตรวมทั้งมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อสินค้าโดยไม่ได้คาดคำนึงถึงราคาเพียงอย่างเดียวทั้งนี้ คาดว่ากลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจะยังคงมีอัตราการเติบโตที่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงวัยทำงาน 25-35 ปี ที่เป็นกลุ่มหลักในการใช้สินค้าประเภทนี้ จะยังใช้จ่ายสำหรับความสวยอย่างต่อเนื่อง

ตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (Skin Care) ในปี2549 มีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาทเติบโตต่อเนื่อง10%แบ่งเป็นการจำหน่ายผ่านร้านค้าทั่วไปและชูเปอร์มาเก็ต 35% ขายตรง35% เคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้า 10% และร้าขายยา 20% ทั้งนี้เป็นสัดส่วนของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับผู้หญิงวัย 25-35 ปี หรือวัยเริ่มต้นทำงานถึง 40% อีกทั้งยังเป็นตลาดใหญ่ทีมีทิศทางการเติบโตที่ดี เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อและต้องการผลิตภัณฑ์เพื่อบำรุงและดูแลผิวหน้าที่มีคุณภาพ

ทั้งนี้ แบรนด์ “ชิมาบูเอ้” มีการทำตลาดในประเทศไทยมาแล้ว 7 ปีปัจจุบันมีสินค้า 8 รายการ จับกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงอายุ30 ปีขึ้นไป ส่วน “วินเชเร่” เป็นเวชสำอางที่ได้เข้ามาทำตลาดตั้งแต่กลางปี 2549 โดยจับกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นที่มีปัญหาเรื่องสิว ปัจจุบันมีสนค้าอยู่ในตลาด 3 รายการ โดยจำหน่ายผ่านช่องทางร้านขายยาเป็นหลัก
กำลังโหลดความคิดเห็น