เค เอ็น เค เอ็น ประกาศเพิ่มช่องทางจำหน่ายออสซิโน เข้าสู่โมเดิร์นเทรดสร้างยอดโต รับตลาดเครื่องนอนไทยยังดี แม้วิกฤตภาพรวมหดตัว หลังขายผ่านอินเด็กซ์มานาน พร้อมทุ่มงบประมาณ 10% ของยอดรวมทำตลาด หวังเพิ่มสมาชิกอีก 2 เท่าตัว กวาดรายได้เพิ่มขึ้นอีกกว่า 20%
นางนนทกานต์ ทัพพะรังสี อึง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค เอ็น เค เอ็น รีเทล จำกัด ผู้จัดจำหน่าย ชุดเครื่องนอน “ออสซิโน” จากประเทศออสเตรเลีย เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ถึง แผนการทำตลาดในปี 2550 ว่า บริษัทฯเตรียมเพิ่มช่องทางจำหน่ายเข้าสู่โมเดิร์นเทรด เพื่อสร้างยอดขายเพิ่มเติมจากเดิม หลังจากที่ช่องทางจำหน่ายที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะขายผ่านช่องทาง เพอร์ซันนัล ชอปเปอร์ อุปกรณ์ใช้เครื่องนอนหรืออุปกรณ์การตกแต่งสินค้า ผ่านร้านอินเด็กซ์ เป็นช่องทางหลัก ซึ่งมีอยู่กว่า 10 สาขา และชอปที่ในปัจจุบัน แบรนด์ ออสซิโนมีอยู่ 2 แห่ง ประกอบด้วย สาขาที่เป็นแฟล็กชิปสโตร์บนถนนชิดลม และ เซ็นทรัล ลาดพร้าว รวมทั้งหมดช่องทางขายออสซิโน มีทั้งหมด12 แห่ง
ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้บริษัทฯต้องมองหาช่องทางในการขายเพิ่มนั้นเพื่อต้องการสร้างความรับรู้ให้กับกลุ่มลูกค้าให้ได้มากที่สุด หลังจากที่แบรนด์ออสซิโน บริษัทฯได้รับสิทธิ์จากออสเตรเลียเข้ามาทำตลาดตั้งแต่ต้นปี 2549 ซึ่งครบ 1 ปีแล้ว บริษัทฯจึงเล็งเห็นว่า สมควรจะเพิ่มช่องทางขายให้เพิ่มมากขึ้น เพราะว่ากลุ่มลูกค้าบางส่วนมีการรับรู้ต่อแบรนด์และให้การยอมรับได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะเห็นได้จากยอดสมาชิกตั้งแต่เปิดมาจนถึงปัจจุบัน แบรนด์ ออสซิโน มีฐานสมาชิกแล้วกว่า 2,000 ราย และนับจากนี้ไปบริษัทฯจะมุ่งมั่นในการทำตลาดเพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น
เป้าหมายแรกในการทำตลาด บริษัทฯได้จัดสรรงบประมาณ 10% จากยอดขายไว้ทำตลาดทั้งปี โดยจะสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มลูกค้าทั้งทางตรงและทางอ้อมให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะแบ่งออกเป็นการทำสื่อทาง บีโลว์ เดอะไลน์ 60% และสื่ออะโบฟเดอะไลน์ 40% สำหรับการมุ่งทำตลาดที่เพิ่มมากขึ้นหลังจากที่บริษัทฯได้สร้างการรับรู้และจดจำถึงศักยภาพของสินค้าให้กับลูกค้าแล้ว บริษัทฯมองว่าการทำตลาดอย่างต่อเนื่องก็เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับที่จะสร้างแรงกระตุ้นให้กลุ่มลูกค้าเก่าและใหม่ได้รับทราบถึงแบรนด์อยู่ตลอดเวลาซึ่งคาดว่าจากการเพิ่มช่องทางขายและเพิ่มการทำตลาดจะสามารถผลักดันให้ยอดสมาชิกเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าตัว ล่าสุดได้เปิดตัวไลฟ์สไตล์นิวส์เล็ตเตอร์ ฉบับแรก ส่งถึงสมาชิกเพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการทำตลาด
นอกจากการเร่งทำตลาดแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยหลักที่มีความสำคัญคือ จะต้องมีการปรับและเปลี่ยนในส่วนของสินค้าให้มีความแปลกใหม่และเข้ากับไลฟ์สไตล์กับกลุ่มลูกค้า เนื่องจากในปัจจุบันไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่ชอบตกแต่งบ้านส่วนใหญ่จะนิยมแต่งตามแฟชั่น เช่นเดียวกับชุดเครื่องนอน ดังนั้นบริษัทฯจึงได้จัดเตรียมเปลี่ยนสินค้าตามแต่ละช่วงซีซั่น เพื่อสอดรับกับความต้องการของลูกค้าให้ครบรูปแบบเพิ่มเติมจากเติม
จากปัจจุบันสินค้าของแบรนด์ออสซิโนจะแบ่งการนำเสนอสินค้า 5 สไตล์การแต่งห้อง ซึ่งจะประกอบด้วย 1.สินค้าสไตล์หรูหรา 2.สินค้าสไตล์โรแมนติค 3. สินค้าสไตล์เรียบง่าย 4.สินค้าสไตล์ทันสมัยเจาะกลุ่มวัยรุ่นโดยเฉพาะ และ 5. สินค้าในกลุ่มเด็ก
นางนนทกานต์ กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญที่บริษัทฯมุ่งมั่นทำตลาดมากขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยหลายรูปแบบที่จะเข้ามาเป็นตัวแปร สำหรับภาพรวมตลาด ซึ่งหลายคนอาจมองว่า การปรับและเปลี่ยนการทำตลาดเพิ่มจะเสี่ยงต่อธุรกิจของบริษัทฯหรือไม่ ในช่วงที่เศรษฐกิจในช่วงซบเซาแต่บริษัทฯมองในมุมกลับกันว่า ธุรกิจกิจเครื่องนอน ยังสามารถขยายตัวได้อยู่ ในการปรับตัวทุกอย่างก็เพื่อสร้างให้แบรนด์ ออสซิโน ติดตลาด บริษัทฯเชื่อว่าจะสามารถสร้างยอดรายได้ให้กับบริษัทฯเติบโตเพิ่มมากขึ้น 20% จากเดิมในปีที่ผ่านมาบริษัทฯมีรายได้อยู่ที่ 50 ล้านบาท
นางนนทกานต์ ทัพพะรังสี อึง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค เอ็น เค เอ็น รีเทล จำกัด ผู้จัดจำหน่าย ชุดเครื่องนอน “ออสซิโน” จากประเทศออสเตรเลีย เปิดเผยกับ “ผู้จัดการรายวัน” ถึง แผนการทำตลาดในปี 2550 ว่า บริษัทฯเตรียมเพิ่มช่องทางจำหน่ายเข้าสู่โมเดิร์นเทรด เพื่อสร้างยอดขายเพิ่มเติมจากเดิม หลังจากที่ช่องทางจำหน่ายที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะขายผ่านช่องทาง เพอร์ซันนัล ชอปเปอร์ อุปกรณ์ใช้เครื่องนอนหรืออุปกรณ์การตกแต่งสินค้า ผ่านร้านอินเด็กซ์ เป็นช่องทางหลัก ซึ่งมีอยู่กว่า 10 สาขา และชอปที่ในปัจจุบัน แบรนด์ ออสซิโนมีอยู่ 2 แห่ง ประกอบด้วย สาขาที่เป็นแฟล็กชิปสโตร์บนถนนชิดลม และ เซ็นทรัล ลาดพร้าว รวมทั้งหมดช่องทางขายออสซิโน มีทั้งหมด12 แห่ง
ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้บริษัทฯต้องมองหาช่องทางในการขายเพิ่มนั้นเพื่อต้องการสร้างความรับรู้ให้กับกลุ่มลูกค้าให้ได้มากที่สุด หลังจากที่แบรนด์ออสซิโน บริษัทฯได้รับสิทธิ์จากออสเตรเลียเข้ามาทำตลาดตั้งแต่ต้นปี 2549 ซึ่งครบ 1 ปีแล้ว บริษัทฯจึงเล็งเห็นว่า สมควรจะเพิ่มช่องทางขายให้เพิ่มมากขึ้น เพราะว่ากลุ่มลูกค้าบางส่วนมีการรับรู้ต่อแบรนด์และให้การยอมรับได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะเห็นได้จากยอดสมาชิกตั้งแต่เปิดมาจนถึงปัจจุบัน แบรนด์ ออสซิโน มีฐานสมาชิกแล้วกว่า 2,000 ราย และนับจากนี้ไปบริษัทฯจะมุ่งมั่นในการทำตลาดเพื่อขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น
เป้าหมายแรกในการทำตลาด บริษัทฯได้จัดสรรงบประมาณ 10% จากยอดขายไว้ทำตลาดทั้งปี โดยจะสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มลูกค้าทั้งทางตรงและทางอ้อมให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะแบ่งออกเป็นการทำสื่อทาง บีโลว์ เดอะไลน์ 60% และสื่ออะโบฟเดอะไลน์ 40% สำหรับการมุ่งทำตลาดที่เพิ่มมากขึ้นหลังจากที่บริษัทฯได้สร้างการรับรู้และจดจำถึงศักยภาพของสินค้าให้กับลูกค้าแล้ว บริษัทฯมองว่าการทำตลาดอย่างต่อเนื่องก็เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับที่จะสร้างแรงกระตุ้นให้กลุ่มลูกค้าเก่าและใหม่ได้รับทราบถึงแบรนด์อยู่ตลอดเวลาซึ่งคาดว่าจากการเพิ่มช่องทางขายและเพิ่มการทำตลาดจะสามารถผลักดันให้ยอดสมาชิกเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าตัว ล่าสุดได้เปิดตัวไลฟ์สไตล์นิวส์เล็ตเตอร์ ฉบับแรก ส่งถึงสมาชิกเพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการทำตลาด
นอกจากการเร่งทำตลาดแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยหลักที่มีความสำคัญคือ จะต้องมีการปรับและเปลี่ยนในส่วนของสินค้าให้มีความแปลกใหม่และเข้ากับไลฟ์สไตล์กับกลุ่มลูกค้า เนื่องจากในปัจจุบันไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่ชอบตกแต่งบ้านส่วนใหญ่จะนิยมแต่งตามแฟชั่น เช่นเดียวกับชุดเครื่องนอน ดังนั้นบริษัทฯจึงได้จัดเตรียมเปลี่ยนสินค้าตามแต่ละช่วงซีซั่น เพื่อสอดรับกับความต้องการของลูกค้าให้ครบรูปแบบเพิ่มเติมจากเติม
จากปัจจุบันสินค้าของแบรนด์ออสซิโนจะแบ่งการนำเสนอสินค้า 5 สไตล์การแต่งห้อง ซึ่งจะประกอบด้วย 1.สินค้าสไตล์หรูหรา 2.สินค้าสไตล์โรแมนติค 3. สินค้าสไตล์เรียบง่าย 4.สินค้าสไตล์ทันสมัยเจาะกลุ่มวัยรุ่นโดยเฉพาะ และ 5. สินค้าในกลุ่มเด็ก
นางนนทกานต์ กล่าวต่อว่า สิ่งสำคัญที่บริษัทฯมุ่งมั่นทำตลาดมากขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยหลายรูปแบบที่จะเข้ามาเป็นตัวแปร สำหรับภาพรวมตลาด ซึ่งหลายคนอาจมองว่า การปรับและเปลี่ยนการทำตลาดเพิ่มจะเสี่ยงต่อธุรกิจของบริษัทฯหรือไม่ ในช่วงที่เศรษฐกิจในช่วงซบเซาแต่บริษัทฯมองในมุมกลับกันว่า ธุรกิจกิจเครื่องนอน ยังสามารถขยายตัวได้อยู่ ในการปรับตัวทุกอย่างก็เพื่อสร้างให้แบรนด์ ออสซิโน ติดตลาด บริษัทฯเชื่อว่าจะสามารถสร้างยอดรายได้ให้กับบริษัทฯเติบโตเพิ่มมากขึ้น 20% จากเดิมในปีที่ผ่านมาบริษัทฯมีรายได้อยู่ที่ 50 ล้านบาท