ศึกช้างชนช้าง ยำยำเปิดตัวรสต้มแซบชนมาม่าที่เปิดตัวก่อนเพียงวันเดียว ยำยำชี้ไม่รู้ตัวมาก่อน เป็นครั้งแรกรอบ 30 ปีที่ออกรสชาติเดียวกัน เวลาเดียวกัน เผยทุ่มงบ 300 ล้านบาท ทำตลาดทั้งปีทุกแบรนด์ หวังปีนี้แชร์เพิ่มเป็น 23%
นายซาโตรุ นาคามูระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมอาหาร ผู้ผลิตและทำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปภายใต้ยี่ห้อ ยำยำ เปิดเผยว่า ล่าสุดนี้บริษัทฯได้ออกผลิตภัณฑ์ ยำยำ รสชาติใหม่คือ รสต้มแซบตำรับอีสาน ซึ่งถือเป็นรสชาติที่ 4 ในซีรีย์ “ยำยำ จัมโบ้ ต้มยำซีรีย์” ซึ่งรสชาติใหม่นี้ได้เริ่มทดลองวางตลาดแล้วเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในช่วงแรกวางผ่านช่องทางค้าปลีกชุมชน ส่วนช่องทางโมเดิร์นเทรดนั้นจะเตรียมทยอยวางต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเปิดตัว รสต้มแซบอีสานของยำยำในครั้งนี้ เป็นการเปิดตัวให้หลังเพียงวันเดียวหลังจากที่ทางคู่แข่งคือ มาม่า ได้เปิดตัวไปก่อนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และเป็นรสชาติเดียวกันด้วย
“บริษัทฯไม่รู้ตัวมาก่อนว่า ทางคู่แข่งจะมีการเปิดตัวรสชาตินี้เดียวกัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีที่มีการออกสินค้ารสชาติเดียวกันในเวลาเดียวกันกับคู่แข่ง”นายซาโตรุ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายซาโตรุ ย้ำว่า รสชาติต้มแซบตำรับอีสานนี้ เป็นการพัฒนาต่อเนื่องของบริษัทฯอยู่แล้ว ถือเป็น รสชาติที่ 4 ของซีรีย์นี้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีออกมาแล้ว 3 รสชาติคือ รสต้มยำกุ้ง รสต้มยำกุ้งน้ำข้น รสต้มยำหมูสับ และได้รับการตอบรับที่ดี
ทั้งนี้บริษัทฯตั้งงบการตลาดของปีนี้สำหรับการทำตลาดแบรนด์ยำยำและซับแบรนด์ด้วยรวมทั้งหมด 300 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นมาจากปีที่แล้วไม่มากนัก เนื่องจากปีที่แล้วบริษัทฯไม่ได้มีการออกรสชาติใหม่เลย
ส่วนแนวทางการทำตลาดของซีรีย์ดังกล่าวนี้ บริษัทฯจะใช้ดาราดังคือ “เป้ย-ปานวาด เหมมณี” เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับรสชาติต้มแซบอีสาน ซึ่งเปิดตัวไปตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว ซึ่งส่งผลให้ยอดขายของรสชาติซีรีย์ดังกล่าวนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก เพราะสามารถสร้างการรับรู้ในตัวแบรนด์และดึงกลุ่มเป้าหมายให้มาบริโภคได้เป็นอย่างดี อย่างต่อเนื่องหลังเปิดตัวไปตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีความแตกต่างจากคู่แข่งที่ใช้วงโปงลางสะออนมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ที่เพิ่งมีแค่รสชาติเดียว เพราะกลุ่มเป้าหมายต่างกัน
ในเร็วๆนี้บริษัทฯจะออกหนังโฆษณาทางทีวีชุดใหม่ เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์สินค้าซีรีย์ดังกล่าวที่มีรสชาติจัดจ้าน เผ็ดร้อน เพื่อจับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นระดับมัธยมปลาย ถึงมหาวิทยาลัย ซึ่งกลุ่มดังกล่าวนี้ถือเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มน่าสนใจอย่างมาก อีกทั้งตลาดและพฤติกรรมการบริโภคคนรุ่นใหม่ก็เปิดกว้างด้วย โดยปีนี้บริษัทฯคาดว่าส่วนแบ่งตลาดรวมจะเพิ่มเป็น 23% จากเดิมปีที่แล้วมี 21.5% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 10,000 ล้านบาท โดยบรรจุภัณฑ์ถ้วยและชาม มีการเติบโต 20% แต่เป็นตลาดที่มีสัดส่วน 4% เท่านั้นของตลาดรวม ส่วนปีที่แล้วบริษัทฯมีอัตราการติบโตประมาณ 12.5% สูงกว่าตลาดรวมที่เติบโตเพียง 9.5% เท่านั้น ซึ่งสัดส่วนยอดขายของบริษัทฯแบ่งเป็นแบรนด์ ช้างน้อย 20% จัมโบ้ 60% และอื่นๆเช่นขนมขบเคี้ยว 20%