บอมบ์ทำเหตุ – เศรษฐกิจขาลง ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป คาดเติบโตลดลงอยู่ที่ 5-6% “มาม่า” สร้างวิกฤติให้เป็นโอกาส หลังพบพฤติกรรมผู้บริโภคใช้ชีวิตภายในบ้านมากขึ้น ผุดรสชาติใหม่ “รสต้มแซบ” ดึง “โปงลางซะออน” ร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ ครั้งแรก หวังขยายฐานลูกค้าระดับแมสมากยิ่งขึ้น มั่นใจโตสวนทางตลาดที่ 10% หรือมีแชร์ 58% จากมูลค่าตลาดที่ 10,000 ล้านบาท
นางเพ็ญนภา ธนสารศิลป์ กรรมการ บริษัท สหพัมนพิบูล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป “มาม่า” เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ลอบวางระเบิด ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมานี้ พบว่าผู้บริโภคยังห่วงเรื่องความปลอดภัย ทำให้มีการใช้ชีวิตภายในบ้านมากยิ่งขึ้น จึงมองว่าเป็นโอกาสของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกครั้ง โดยผู้บริโภคเหล่านี้จะมีการซื้อกักตุนไว้ทานเพิ่มขึ้น
จากผลการวิจัย ของทาง เอซี เน็ลสัน เกี่ยวกับการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เฉพาะเดือนมกราคมที่ผ่านมาเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว พบว่า ตลาดมีอัตราการเติบโตเชิงมูลค่าจาก 9.7% เป็น 10% ส่วนการเติบโตเชิงจำนวน จากเดิม 9.2% เติบโตเป็น 10.1% โดยแยกส่วนแบ่งแต่ละแบรนด์แบ่งเป็น มาม่า 52% ไวไว 25 % ยำยำ 21 % และอื่นๆอีกประมาณ 2%
ส่วนภาพรวมของตลาดตลอดทั้งปีนี้ คาดว่า จะมีอัตราการเติบโตลดลงเหลือเพียง 5-6% จากเดิมในปีที่ผ่านมาที่มีอัตราการเติบโตกว่า 10% ซึ่งทางบริษัทฯวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปีนี้กว่า 10% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตสูงกว่าตลาด โดยคาดว่าจะเป็นไปได้ตามแผนที่วางไว้ ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจในภาพรวมจะไม่ดีก็ตาม
“วิกฤติดังกล่าว มองว่าเป็นโอกาสของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอย่างมากถึงแม้ว่าในภาพรวมของตลาด 10,000 ล้านบาท อาจจะกำลังใกล้ถึงจุดอิ่มตัว กับอัตราการบริโภคที่ 32-35 ซอง ต่อคนต่อปี แต่เมื่อเทียบกับประเทศญี่ปุ่น จีนหรือเกาหลี ที่มีอัตราการบริโภคเฉลี่ยที่ 50 ซองต่อคนต่อปีแล้ว จึงมองว่าตลาดยังสามารถขยายตัวได้อีก ซึ่งปัจจัยที่จะทำให้ตลาดเติบโตขึ้นนั้น ควรจะเป็นในเรื่องของการวิจัยและพัฒนารสชาติใหม่ๆ บรรจุภัณฑ์ รวมไปถึงคุณค่าทางอาหารอีกส่วนหนึ่งด้วย ตลาดจึงจะเติบโตขึ้นได้อีก”
โดยเฉพาะตลาดในกลุ่มคัพและโบว์นั้น มีส่วนแบ่งเพียง 4-5% ของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั้งหมด ดูแล้วอาจจะรู้สึกว่ามีแชร์ในตลาดน้อย ทั้งนี้สาเหตุหนึ่งมาจากปัจจัยทางด้านราคาที่วางจำหน่ายค่อนข้างสูงทั้ง 12 บาท หรือ 20 บาท แต่ในทางกลับกันพบว่า กลุ่มคัพและโบว์เป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตมากกว่า 30% ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตดีขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นในอนาคตไม่ต่ำกว่า 10 ปี จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดเปลี่ยนไป กลายเป็นตลาดหลักของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็เป็นได้ ดังนั้นจะเห็นว่าทางบริษัทฯจะผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาทั้งในรูปแบบซอง คัพ และโบว์ ครบทุกเซกเม้นต์ของบรรจุภัณฑ์ แต่จะเป็นการทยอยออกมาทีละบรรจุภัณฑ์นั้นเอง
ล่าสุดทางบริษัทฯได้มีการวิจัยและพัฒนา บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสชาติใหม่ขึ้น คือ “รสต้มแซบ” ซึ่งได้มีการพัฒนาสูตรมากว่า 2 ปี และเป็นรสชาติใหม่ที่ทางมาม่าเปิดตัว ต่อจาก รสโฮลวีต หมูพริกไทยดำ ตั้งแต่ช่วง 2 ปีก่อนที่ผ่านมา คาดว่ารสชาติใหม่นี้จะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี โดยส่งผลให้รสต้มแซบสร้างยอดขายในกลุ่มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของบริษัทในอันดับที่ 4 รองจาก มาม่ารสต้มยำกุ้ง, มาม่ารสหมูสับ และมาม่ารสต้มยำกุ้งน้ำข้น ตามลำดับ ซึ่งจะทำให้มาม่าสามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดจากเดิม 52% เพิ่มขื้นเป็น 58% จากมูลค่าตลาดรวม 10,000 ล้านบาท ในปีนี้ได้อย่างแน่นอน
นางเพ็ญนภา กล่าวต่อว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รสต้มแซบครั้งนี้ นอกจากจะมีการวิจัยและพัฒนาสูตรมากว่า 2 ปีแล้ว สาเหตุหนึ่งที่เลือกรสชาติดังกล่าวมาจากการวิจัยสอบถามไปยังผู้บริโภคระดับแมสว่าต้องการรสชาติใดนั้นเอง ดังนั้น รสต้มแซบ จึงถือเป็นรสชาติใหม่ ที่ทางบริษัทมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคระดับแมส รวมไปถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไม่ดีแบบนี้ด้วย
ทั้งนี้ทางบริษัทฯยังได้เตรียมงบทางการตลาดกว่า 50 ล้านบาท สำหรับการโฆษณาประชาสัมพันธ์ครบทุกสื่อ รวมไปถึงการนำศิลปินวง “โปงลางสะออน” มาร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ ให้กับ มาม่า รสต้มแซบ ครั้งนี้ด้วย
“ปกติมาม่าจะไม่นำกลยุทธ์พรีเซนเตอร์มาใช้ ยกเว้นที่ผ่านมาในการนำเอาดีเจมาเป็นพรีเซนเตอร์ แต่นั้นยังคงเป็นนิชมาร์เก็ตอยู่ ดังนั้นครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ทางบริษัทฯมีการนำกลยุทธ์พรีเซนเตอร์มาทำตลาด โดยเฉพาะตลาดระดับแมส โดยเฉพาะมาม่ารสต้มแซบนี้ มองว่า “โปงลางซะออน” เหมาะสมในการเป็นพรีเซนเตอร์มากที่สุด ในการที่จะช่วยประชาสัมพันธ์ มาม่ารสชาติใหม่ครั้งนี้ด้วย”
อย่างไรก็ตามในปีนี้ทางบริษัทฯได้เตรียมงบประมาณทางการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มาม่าไว้ที่ 500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาเล็กน้อย คือประมาณ 50 ล้านบาท สำหรับ มาม่ารส ต้มแซบ ขณะเดียวกันในปีนี้ทางบริษัทฯยังจะมีการเปิดตัวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสชาติใหม่อีกอย่างน้อย 1 รสชาติ


