xs
xsm
sm
md
lg

“เอสเอฟ”รีแบรนด์แยกตลาด แผน2ปีทุ่ม2พันล.คาดปีนี้แชร์40%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เครือเอสเอฟ ประกาศแผนรุกปี 2551-2552 ทุ่มงบก้อนโต 2,000 ล้านบาท ลุยผุดสาขาใหม่ไม่ยั้ง ไม่ต่ำกว่า 6 สาขา ทั้งตลาดในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด พร้อมเตรียมทำรีแบรนด์ดิ้งใหม่ในเครือ ทั้ง เอสเอสซีเนม่าซิตี้ เอสเอฟเอ็กซ์ เอสเอฟเวิลด์ เอสเอฟสไตร์คโบว์ เอสเอฟคาราโอเกะ คาดหวังปีนี้แชร์เพิ่มเป็น 40% ดันรายได้ทะลุ 2,000 ล้านบาท เป็นปีแรก

นายสุวัฒน์ ทองร่มโพธิ์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มเอสเอฟ ผู้ประกอบธุรกิจโรงภาพยนตร์มัลติเพล็กซ์ กล่าวว่า แผนการดำเนินงานและการลงทุนของบริษัทฯในช่วง 2 ปีจากนี้คือ ปี 2551-2552 จะใช้งบลงทุนไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ในการขยายธุรกิจโรงหนังทั้ง 3 แบรนด์ พร้อมกับธุรกิจโบว์ลิ่งและคาราโอเกะด้วย

ขณะเดียวกันบริษัทฯมีแผนที่จะใช้งบการตลาดประมาณ 150 ล้านบาทในปีนี้ เพื่อทำการตลาด กิจกรรม โปรโมชั่น ต่างๆ รวมทั้งการทำรีแบรนด์ดิ้งธุรกิจให้มีความชัดเจนในแต่ละแบรนด์ จากแบรนด์ทั้งหมด 5 แบรนด์ที่ประกอบด้วย แบรนด์เอสเอฟซีเนม่าซิตี้ จะจับกลุ่มเป้าหมายแมส ใช้ชีวิตแบบมีสีสัน เทรนดี้ จะใช้สีสัญลักษณ์เป็นสีส้ม เช่น สาขาที่เอ็มบีเค และสาขา เดอะมอลล์ทุกแห่ง

ส่วนแบรนด์เอสเอฟเอ็กซ์ จะจับกลุ่มเป้าหมายสูงกว่าแมส กลุ่มที่มีไลฟ์สไตล์เป็นของตัวเอง มีความเป็นส่วนตัวในการใช้ชีวิต พร้อมจับจ่ายใช้สอย มีกำลังซื้อ จะใช้สีทองเป็นสีสัญลักษณ์เช่น สาขาเอ็มโพเรียม สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าว สาขาเซ็นทรัลภูเก็ต เป็นต้น, แบรนด์เอสเอฟเวิลด์ จะเป็นรูปแบบแฟลกชิบสโตร์ มีเพียงสาขาเดียวที่เซ็นทรัลเวิลด์ จะใช้สีแดงดำเป็นสีสัญลักษณ์ , แบรดน์เอสเอฟสไตร์คโบว์ลจะเป็นธุกริจโบว์ลิ่ง และแบรนด์เอสเอฟคาราโอเกะจะเป็นแบรนด์ที่เกี่ยวกับคาคาโอเกะ

โดยแผนการเปิดสาขาใหม่นั้นวางเป้าหมายเปิดเฉลี่ย 3 สาขาต่อปี ซึ่งสาขาใหม่นี้จะประกอบไปด้วย โรงหนังที่ เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ เซ็นทรัลพัทยา เซ็นทรัลชลบุรี เซ็นทรัลขอนแก่น และอีก 2 สาขาที่ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯแต่ยังอยู่ระหว่างการเจรจาและหาทำเล ยังไม่สามารถเปิดเผยได้

ทั้งนี้งบประมาณดังกล่าวใกล้เคียงกับงบประมาณช่วง 2 ปีที่ผ่านมาคือ ปี 2549-2550 ที่ใช้งบประมาณ 2,000 ล้านบาท ซึ่งสาขาที่อยู่ในแผนเดิมนั้นมีทั้งที่เปิดบริการไปแล้วและที่เตรียมเปิดคือ เซ็นทรัลรามอินทรา มีจำนวน 6 โรงเปิดบริการแล้ว ไม่มีโบว์ลิ่งเดิมเป็นของเครือยูเอ็มจี, สาขาที่จังค์ซีลอน ภูเก็ต จำนวน 5 โรง และโบว์ลิ่ง 16 เลน และมีคาราโอเกะด้วย เปิดประมาณกลางปีนี้ , เดอะมอลล์ท่าพระ เดิมเป็นของเอ็นเคทีเอชเอ็กซ์ เดิมกำหนดประมาณ 10 โรง แต่ขณะนี้ยังไม่ได้เริ่มเนื่องจากว่าทางเดอะมอลล์ท่าพระอยู่ระหว่างการปรับปรุงตึก และคาดว่าในช่วงปลายปีจะมีอีกสาขาคือ ที่จังหวัดลพบุรี จำนวน 5-6 โรง

ล่าสุดบริษัทฯได้เปิดให้บริการ เอสเอฟเวิลด์ สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ มีจำนวนโรงหนังมากที่สุด 15 โรง ซึ่งเตรียมงบการตลาดไว้ประมาณ 50 ล้านบาท สำหรับสาขานี้โดยเฉพาะ และคาดว่าสาขานี้จะมีสัดส่วนรายได้สูงถึง 15-20% จากรายได้รวมของบริษัทฯ และจะช่วยทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของเอสเอฟในตลาดรวมเพิ่มขึ้นมาได้อีก 10% โดยปีนี้คาดหวังว่าจะมีส่วนแบ่งตลาดเป็น 40% เพิ่มจากปีที่แล้วที่มีส่วนแบ่งเฉลี่ย 28-30% และจะเป็นปีแรกที่เอสเอฟกรุ๊ปมีรายได้รวมทะลุ 2,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วที่มีรายได้รวม 1,600 ล้านบาท

ปัจจุบันเครือเอสเอฟเปิดให้บริการโรงหนังแล้วจำนวน 10 สาขาทั่วประเทศ ส่วนสาขาที่ทำรายได้ดีอันดับต้นๆเช่น ลาดพร้าว บางกะปิ เอ็มบีเคงามวงศ์วาน

นายสุวัฒน์กล่าวด้วยว่า แนวโน้มของตลาดโรงภาพยนตร์ในไทยยังดีอยู่ ยังมีอนาคตที่สดใส เพียงแต่ผู้ประกอบการจะต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงตลอดจนการนำเสนอสิ่งแปลกใหม่ให้กับผู้บริโภคไม่หยุด และในปีนี้ตลาดรวมคาดว่าจะโตขึ้นอย่างมาก เพราะมีหนังฟอร์มใหญ่เข้ามาฉายจำนวนมาก เช่น สไปเดอร์แมนภาค 3, ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทั้ง 2 ภาค , องค์บาก ภาค 2 , บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม ภาค 2 เป็นต้น

ขณะเดียวกันสื่อโฆษณาในโรงหนังก็ยังคงเป็นสื่อที่ได้รับความนิยมจากเจ้าของสินค้าและบริการรวมทั้งเอเจนซี่ที่ซื้อสื่อด้วย เพราะมีราคาไม่สูง ขณะเดียวกันเข้าตรงถึงกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม นายสุวัฒน์ ย้ำว่า เอสเอฟฯมีการกำหนดเวลาในการฉายโฆษณาก่อนหนังฉายจริง ประมาณ 5 นาทีต่อรอบ เท่านั้น จะไม่มีการโฆษณามากกว่านี้ ส่วนเทรลเลอร์หนังจะมีประมาณ 10-12 นาที เท่านั้น ไม่มากกว่านี้ เพราะหากมีมากกว่านี้จะไม่เป็นธรรมกับผู้บริโภค
กำลังโหลดความคิดเห็น