xs
xsm
sm
md
lg

“พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ” ลูกไม้ใกล้ต้นแห่ง“บางกอก แอร์เวย์ส”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ
แม้ว่าเส้นทางชีวิตของลูกเศรษฐีหลายคนจะสวยหรู เพราะส่วนใหญ่เส้นทางเดินชีวิตจะถูกปูด้วยพรมแดงหรือโรยด้วยกลีบกุหลาบจากผู้เป็นพ่อเป็นแม่

แต่สำหรับกัปตันพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ ลูกชายคนโตของ “หมอเสริฐ” หรือนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ บอสใหญ่แห่งอาณาจักรบางกอก แอร์เวย์กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะหลังจากเรียนจบระดับมัธยมที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน จบระดับปริญญาตรีที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี สาขาการจัดการที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเริ่มงานแรกที่โรงแรมสมุยปาล์มบีช ในปี 2530 เพื่อฝึกปรือวิชาที่ร่ำเรียนมา

กระทั่งเมื่อปี 2532 นายแพทย์ปราเสริฐ ลงทุนเปิดสายการบิน บางกอก แอร์เวย์ส ทำให้ พุฒิพงศ์ ถูกเรียกตัวกลับมาช่วยงานที่บ้านทันที โดยรับตำแหน่งใหญ่ครั้งแรกเป็นรองผู้อำนวยการด้านสนามบินที่สมุย ทั้งที่ยังไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้เลยแม้แต่น้อย  

แต่ด้วยความที่เป็นลูกชายคนโต และมีสายเลือดนักสู้เฉกเช่นเดียวกับ “หมอเสริฐ” ผู้เป็นพ่อ ทำให้กัปตันพุฒิพงศ์ ต้องต่อสู้กับสิ่งที่พ่อมอบหมายให้ทำ ซึ่งเป็นงานที่ใหญ่และท้าทายมาก สำหรับเด็กหนุ่มวัย 20 ปีต้นๆ ในขณะนั้น

งานที่ได้รับมอบหมายจะต้องดูแลด้านปฎิบัติการทั้งหมดทั้งภาคพื้นดิน และบนอากาศ ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเป็นความตายของผู้โดยสาร พนักงานราวๆ 1,000 คน รวมถึงกิจการที่พ่อสร้างขึ้นมา

หลังจากที่เข้ามาศึกษางานได้เพียงปีเศษ พุฒิพงศ์ ตัดสินใจไปเรียนต่อด้านการบินที่สถาบันการบินพลเรือน ในปี 2534 เพื่อให้เข้าใจในธุรกิจอย่างถ่องแท้ ทั้งงานบนภาคพื้นดิน และงานบนอากาศ

พุฒิพงศ์เล่าถึงเหตุผลของการไปเรียนเป็นนักบินว่า นักบินเป็นตัวจักรที่สำคัญอย่างมากของธุรกิจนี้ การได้พูดภาษาเดียวกัน และเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยีการบินใหม่ๆ เป็นเรื่องจำเป็น เพราะเกี่ยวข้องกับการให้บริการผู้โดยสารโดยตรง ซึ่งผู้โดยสารถือเป็นหัวใจสำคัญอย่างมากต่อบางกอก แอร์เวย์ส

ต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในแวดวงธุรกิจการบิน กัปตันพุฒิพงศ์ บอกว่า “ การแข่งขันในธุรกิจนี้รุนแรงขึ้นเป็นทวีคูณ โดยเฉพาะเมื่อเกิดสายการบินต้นทุนต่ำหรือ Low Cost Airline ซึ่งตรงนี้ยอมรับว่า มีผลกระทบต่อบางกอก แอร์เวย์สบ้างแต่ไม่มากนัก เพราะเราเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจ ราคาน้ำมัน หรือการแข่งขัน ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นตลอดเวลาและกับทุกอุตสาหกรรมที่ต้องได้รับผลกระทบ”

ปัญหาต่างๆ ได้รับการแก้ไขไปได้ด้วยดี นับจากปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งบางกอก แอร์เวย์ส ใช้วิธีจับกลุ่มลูกค้าระดับบน ที่มีรสนิยม และความต้องการที่สายการบินอื่นๆ ให้ไม่ได้ หรือได้น้อยกว่า เช่น การมีเที่ยวบินไปยังสถานที่ท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ และให้บริการะดับ VIP ซึ่งแน่นอน ลูกค้ากลุ่มนี้ไม่สนใจเรื่องราคา แต่ต้องการบริการที่เหนือระดับ แตกต่างจากลูกค้าทั่วไป

ขณะที่ปัญหาการแข่งขันที่ Low Cost Airline เริ่มขยายเส้นทางบินเข้ามาทับกับเส้นทางบินของบางกอก แอร์เวย์ส เราก็เร่งสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง โดยการตอกย้ำความเป็น Boutique Airline หรือความประทับใจแห่งเอเชีย ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับกลุ่มลูกค้าเก่า และลูกค้าใหม่ที่เข้ามาใช้บริการบางกอก แอร์เวย์สเป็นครั้งแรก  

กัปตันพุฒิพงศ์ ยอมรับว่า มีลูกค้าจำนวนไม่น้อยที่หันไปใช้บริการ Low Cost Airline เพราะราคาถูกเป็นแรงจูงใจ แต่สุดท้ายก็กลับมาใช้บริการของบางกอก แอร์เวย์ส เนื่องจากต้องการความประทับจากบริการมากกว่าเสียเงินน้อยลง

ปรากฏการณ์ดังกล่าวตอบโจทย์ได้ว่า “ราคาไม่ได้เป็นปัจจัยแรกที่ลูกค้าสายการบินนึกถึง แต่การบริการที่ดีต่างหากเป็นแรงจูงใจที่ยั่งยืนที่จะดึงลูกค้าเก่ากลับมา และลูกค้าใหม่ไม่หนีหาย
กำลังโหลดความคิดเห็น