“ที่รักเวดดิ้งสตูดิโอ” ระบุแผน 5 ปี โฟกัสทุกพื้นที่ ควัก 12 ล้านบาท ทำตลาด พร้อม แผนขยายสาขาเพิ่ม หวังผลักดันแบรนด์เป็น “ธุรกิจแต่งงานสะดวกใช้บริการ” เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายใกล้บ้าน เช่นเดียวกับเซเว่นอีเลฟเว่น พร้อมรุกขยายตลาดกลุ่มต่างชาติ ขายแพกเกจถ่ายภาพแหล่งท่องเที่ยว
นายพอล เหมง ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท อัลบั้ม เทคโนโลยี จำกัด ผู้ประกอบการที่รัก เวดดิ้ง สตูดิโอ เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนที่จะรุกตลาดธุรกิจเวดดิ้งอย่างเต็มที่ ในปี 2550 โดยบริษัทฯได้ทุ่มงบประมาณราว 12 ล้านบาท เพื่อใช้ในการทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ ที่รัก เวดดิ้ง สตูดิโอ ให้กับผู้บริโภคได้รับรู้ในวงกว้างมากขึ้น ภายหลังจากช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาได้มีการปรับปรุงภายในองค์กร และบุคคลากรให้มีความเป็นมืออาชีพ เพื่อรองรับการขยายตัวของบริษัทฯในอนาคต
ทั้งนี้ ยังมีแผนในการขยายสาขาเพิ่มประมาณ 2 สาขา ในหัวหินและจังหวัดเชียงใหม่ โดยเบื้องต้น คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 3 ล้านบาทต่อสาขา ขณะที่ปัจจุบัน บริษัทฯมีสาขาเปิดให้บริการอยู่ทั้งสิ้น 5 สาขา คือ ที่สาขาทองหล่อ 2 ร้าน, สาขาบางแค, สาขาร่มเกล้าและรามอินทรา สาเหตุที่เลือกขยายสาขาในหัวหินและเชียงใหม่ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีศักยภาพและกำลังการซื้อสูง และผู้บริโภคที่เข้ามาถ่ายภาพแต่งงานในสาขาที่กรุงเทพฯต้องการให้บริษัทฯไปเปิดสาขาเป็นจำนวนมาก
นายพอล ยังกล่าวต่อว่า นอกจากแผนขยายสาขาและให้บริการ เพื่อเข้าถึงลูกค้าให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น บริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายว่าภายในระยะเวลา 3-5 ปี จะวางตำแหน่งของธุรกิจแต่งงาน ภายใต้แบรนด์ ที่รัก เวดดิ้ง สตูดิโอ ให้เป็นเหมือน เซเว่น อีเลฟเว่น ที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกแห่งใกล้บ้าน และมีสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานที่เดียวอย่างครบวงจร ซึ่งลูกค้าจะได้รับบริการในมาตรฐานเดียวกัน จาก ที่รัก เวดดิ้ง สตูดิโอ ทุกสาขา เช่น ราคาชุด การถ่ายภาพ ทุกสาขาราคาเดียวกันหมด ลูกค้าใช้บริการที่ไหนก็ได้ นอกจากนี้ เราต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้เกิดขึ้นกับธุรกิจแต่งงาน ด้วยการให้ความรู้แก่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนแต่งงาน หรือการจัดเวิร์คชอปต่างๆ ให้กับลูกค้า
นอกจากนี้ บริษัทฯมีแผนที่จะขยายตลาดสู่นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมากขึ้น โดยการจัดแพกเกจถ่ายภาพตามแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในประเทศไทย ซึ่งค่าใช้จ่ายจะเริ่มต้นอยู่ที่ 20,000 บาท ทั้งนี้ หากรวมกับค่าใช้จ่ายในส่วนของการท่องเที่ยวแบบครบวงจรในแพกเกจเดียว จะอยู่ที่ประมาณ 80,000-100,000 บาทต่อคู่ ซึ่ง บริษัทฯตั้งเป้ากลุ่มลูกค้าต่างประเทศเข้าใช้บริการประมาณเดือนละ 20 คู่รัก และจะเริ่มเจาะตลาดเพื่อดึงลูกค้าจากไต้หวันและเซี่ยงไฮ้เป็นหลัก ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯมีสาขาอยู่ในไต้หวันแล้ว
สำหรับภาพรวมธุรกิจแต่งงาน ยังมีอัตราการเติบโตอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าปี 2550 จะมีอัตราการเติบโตประมาณ 30-40% โดยบริษัทฯตั้งเป้ายอดรายได้ไว้ที่ 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีรายได้ประมาณ 80 ล้านบาท
นายพอล เหมง ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท อัลบั้ม เทคโนโลยี จำกัด ผู้ประกอบการที่รัก เวดดิ้ง สตูดิโอ เปิดเผยว่า บริษัทฯมีแผนที่จะรุกตลาดธุรกิจเวดดิ้งอย่างเต็มที่ ในปี 2550 โดยบริษัทฯได้ทุ่มงบประมาณราว 12 ล้านบาท เพื่อใช้ในการทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ ที่รัก เวดดิ้ง สตูดิโอ ให้กับผู้บริโภคได้รับรู้ในวงกว้างมากขึ้น ภายหลังจากช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาได้มีการปรับปรุงภายในองค์กร และบุคคลากรให้มีความเป็นมืออาชีพ เพื่อรองรับการขยายตัวของบริษัทฯในอนาคต
ทั้งนี้ ยังมีแผนในการขยายสาขาเพิ่มประมาณ 2 สาขา ในหัวหินและจังหวัดเชียงใหม่ โดยเบื้องต้น คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 3 ล้านบาทต่อสาขา ขณะที่ปัจจุบัน บริษัทฯมีสาขาเปิดให้บริการอยู่ทั้งสิ้น 5 สาขา คือ ที่สาขาทองหล่อ 2 ร้าน, สาขาบางแค, สาขาร่มเกล้าและรามอินทรา สาเหตุที่เลือกขยายสาขาในหัวหินและเชียงใหม่ เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีศักยภาพและกำลังการซื้อสูง และผู้บริโภคที่เข้ามาถ่ายภาพแต่งงานในสาขาที่กรุงเทพฯต้องการให้บริษัทฯไปเปิดสาขาเป็นจำนวนมาก
นายพอล ยังกล่าวต่อว่า นอกจากแผนขยายสาขาและให้บริการ เพื่อเข้าถึงลูกค้าให้มีความสะดวกสบายมากขึ้น บริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายว่าภายในระยะเวลา 3-5 ปี จะวางตำแหน่งของธุรกิจแต่งงาน ภายใต้แบรนด์ ที่รัก เวดดิ้ง สตูดิโอ ให้เป็นเหมือน เซเว่น อีเลฟเว่น ที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกแห่งใกล้บ้าน และมีสิ่งอำนวยความสะดวกในสถานที่เดียวอย่างครบวงจร ซึ่งลูกค้าจะได้รับบริการในมาตรฐานเดียวกัน จาก ที่รัก เวดดิ้ง สตูดิโอ ทุกสาขา เช่น ราคาชุด การถ่ายภาพ ทุกสาขาราคาเดียวกันหมด ลูกค้าใช้บริการที่ไหนก็ได้ นอกจากนี้ เราต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้เกิดขึ้นกับธุรกิจแต่งงาน ด้วยการให้ความรู้แก่เจ้าบ่าวเจ้าสาวเกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนแต่งงาน หรือการจัดเวิร์คชอปต่างๆ ให้กับลูกค้า
นอกจากนี้ บริษัทฯมีแผนที่จะขยายตลาดสู่นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมากขึ้น โดยการจัดแพกเกจถ่ายภาพตามแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญในประเทศไทย ซึ่งค่าใช้จ่ายจะเริ่มต้นอยู่ที่ 20,000 บาท ทั้งนี้ หากรวมกับค่าใช้จ่ายในส่วนของการท่องเที่ยวแบบครบวงจรในแพกเกจเดียว จะอยู่ที่ประมาณ 80,000-100,000 บาทต่อคู่ ซึ่ง บริษัทฯตั้งเป้ากลุ่มลูกค้าต่างประเทศเข้าใช้บริการประมาณเดือนละ 20 คู่รัก และจะเริ่มเจาะตลาดเพื่อดึงลูกค้าจากไต้หวันและเซี่ยงไฮ้เป็นหลัก ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯมีสาขาอยู่ในไต้หวันแล้ว
สำหรับภาพรวมธุรกิจแต่งงาน ยังมีอัตราการเติบโตอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าปี 2550 จะมีอัตราการเติบโตประมาณ 30-40% โดยบริษัทฯตั้งเป้ายอดรายได้ไว้ที่ 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีรายได้ประมาณ 80 ล้านบาท