"ประมนต์ สุธีวงศ์" แนะรัฐบาลตั้งบุคคลที่มีความเหมาะสมทำงานแทน "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" เพื่อไม่ให้กระทบต่อบรรยากาศการลงทุน พร้อมระบุเศรษฐกิจในช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ชะลอตัวลง เรียกร้องให้การเบิกจ่ายงบประมาณปี 50 ต้องไม่ล่าช้า เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม และต้องเร่งดำเนินการสร้างรถไฟฟ้า 5 สาย การพัฒนาระบบลอจิสติกส์ โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลในภาคใต้ให้เป็นรูปธรรม
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กรณีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการประสานงานและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ว่า ภาคเอกชนมีความเห็นว่า นายกรัฐมนตรีไม่ควรยุบคณะทำงานชุดดังกล่าว ซึ่งน่าจะหาตัวแทนเข้ามารับผิดชอบต่อจากนายสมคิด โดยอาจแต่งตั้งรองนายกฯ เข้ามาชี้แจง เพราะต่างชาติยังเป็นห่วงต่อกรณีประเทศไทย ตลอดจนความเข้าใจปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายของไทย ฉะนั้น รัฐบาลควรหาบุคคลที่เหมาะสมมาชี้แจง เพื่อไม่ให้กระทบต่อบรรยากาศการลงทุน
อย่างไรก็ตาม มองว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยขณะนี้ ยังไม่มีปัจจัยบวกเท่าที่ควร ตลอด 2 เดือนของปี 2550 เศรษฐกิจชะลอตัวลง ผู้บริโภคเกิดความไม่มั่นใจ จึงลดการบริโภคและการจับจ่ายใช้สอยลง ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นการเร่งด่วน และเชื่อว่าเมื่อผ่านไตรมาสแรกไปแล้ว จะมีความชัดเจนในการร่างรัฐธรรมนูญ และเมื่อมีความชัดเจนก็เป็นการส่งสัญญาณที่ดีขึ้นได้ ทั้งนี้ จากมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลออกมา ภาคเอกชนเห็นว่า รัฐบาลยังไม่จำเป็นต้องออกมาตรการใหม่ ๆ แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการคือ การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2550 ต้องไม่ล่าช้า เพื่อให้งบประมาณไปกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม
นายประมนต์ กล่าวว่า นอกจากรัฐบาลต้องเร่งการใช้จ่ายงบประมาณแล้ว ยังต้องดำเนินการสร้างรถไฟฟ้า 5 สาย การพัฒนาระบบลอจิสติกส์ โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลในภาคใต้ โดยสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เอกชนต้องการให้รัฐบาลเร่งดำเนินการเป็นรูปธรรม และยอมรับว่า ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ ได้กระทบต่อบรรยากาศการลงทุน การท่องเที่ยว เพราะนอกจากกลุ่มก่อการร้ายจะทำให้ประชาชนหวาดกลัว แต่กลุ่มผู้ก่อการร้ายเริ่มหันไปทำลายทรัพย์สินอื่น ๆ จึงเพิ่มผลกระทบต่อบรรยากาศการค้าและการลงทุน ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งสร้างบรรยากาศและความปลอดภัยให้กลับมาโดยเร็ว
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า กรณีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการประสานงานและกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ว่า ภาคเอกชนมีความเห็นว่า นายกรัฐมนตรีไม่ควรยุบคณะทำงานชุดดังกล่าว ซึ่งน่าจะหาตัวแทนเข้ามารับผิดชอบต่อจากนายสมคิด โดยอาจแต่งตั้งรองนายกฯ เข้ามาชี้แจง เพราะต่างชาติยังเป็นห่วงต่อกรณีประเทศไทย ตลอดจนความเข้าใจปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายของไทย ฉะนั้น รัฐบาลควรหาบุคคลที่เหมาะสมมาชี้แจง เพื่อไม่ให้กระทบต่อบรรยากาศการลงทุน
อย่างไรก็ตาม มองว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยขณะนี้ ยังไม่มีปัจจัยบวกเท่าที่ควร ตลอด 2 เดือนของปี 2550 เศรษฐกิจชะลอตัวลง ผู้บริโภคเกิดความไม่มั่นใจ จึงลดการบริโภคและการจับจ่ายใช้สอยลง ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งหามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นการเร่งด่วน และเชื่อว่าเมื่อผ่านไตรมาสแรกไปแล้ว จะมีความชัดเจนในการร่างรัฐธรรมนูญ และเมื่อมีความชัดเจนก็เป็นการส่งสัญญาณที่ดีขึ้นได้ ทั้งนี้ จากมาตรการต่าง ๆ ที่รัฐบาลออกมา ภาคเอกชนเห็นว่า รัฐบาลยังไม่จำเป็นต้องออกมาตรการใหม่ ๆ แต่สิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการคือ การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2550 ต้องไม่ล่าช้า เพื่อให้งบประมาณไปกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม
นายประมนต์ กล่าวว่า นอกจากรัฐบาลต้องเร่งการใช้จ่ายงบประมาณแล้ว ยังต้องดำเนินการสร้างรถไฟฟ้า 5 สาย การพัฒนาระบบลอจิสติกส์ โครงการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลในภาคใต้ โดยสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เอกชนต้องการให้รัฐบาลเร่งดำเนินการเป็นรูปธรรม และยอมรับว่า ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ ได้กระทบต่อบรรยากาศการลงทุน การท่องเที่ยว เพราะนอกจากกลุ่มก่อการร้ายจะทำให้ประชาชนหวาดกลัว แต่กลุ่มผู้ก่อการร้ายเริ่มหันไปทำลายทรัพย์สินอื่น ๆ จึงเพิ่มผลกระทบต่อบรรยากาศการค้าและการลงทุน ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งสร้างบรรยากาศและความปลอดภัยให้กลับมาโดยเร็ว