คาร์ฟูร์ รุกหนักตลาดสินค้าเอาส์แบรดน์ เดินเครื่องนำเข้าเฮาส์แบรนด์โซนเอเชียเพิ่มกลุ่มพรีเมี่ยมอีก 10% ลุยตลาดหวังช่วยกระตุ้นยอดขาย ยอมรับตลาดเฮาส์แบรดน์ต้องใช้เวลาในการสรางแบรนด์ให้เข้ากลางใจผู้บริโภค พร้อมกับเตรียมปรับรูปแบบการส่งออกผลไม้ไปต่างประเทศด้วย
นายฟิลิปป์ โบรยานิโก กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นคาร์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจ คาร์ฟูร์ไฮเปอร์มาร์เกต เปิดเผยถึงการทำตลาดในส่วนของสินค้าเฮาส์แบรนด์ในปีนี้ว่า ในปี 2550 นี้บริษัทฯมีแผนที่จะขยายตลาดและไลน์สินค้าในส่วนของสินค้าเฮาส์แบรนด์ให้มากขึ้น โดยสินค้าจะเป็นการนำเข้ามาจากต่างประเทศในโซนเอเชีย อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น เน้นไปที่สินค้าเฮาส์แบรนด์ระดับพรีเมี่ยมมากเป็นพิเศษ
ทั้งนี้สินค้าที่จะนำเข้ามาทำตลาดนั้นก็จะเป็นทั้งอุปโภคและบริโภค โดยคาดหมายว่าปริมาณที่นำเข้าในปีนี้จะเพิ่มสูงขึ้นอีกประมาณ 10% เมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้าสินค้าเฮาส์แบรนด์จากปีที่ผ่านมา ปัจจุบันสินค้าเฮาส์แบรนด์ทั้งหมดของคาร์ฟูร์ที่จำหน่ายในขณะนี้มีประมาณ 2,300 รายการ
“นโยบายการดำเนินธุรกิจของคาร์ฟูร์ยังคงยึดถือในเรื่องของการให้บริการที่ดีรวดเร็ว และขายสินค้าที่มีคุณภาพ คำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลักอยู่แล้ว ซึ่งในส่วนของสินค้าเฮาส์แบรนด์นี้ก็มีการพัฒนาคุณภาพไม่แพ้สินค้าแบรนด์เนมทั่วไป เราต้องเพิ่มความหลากหลายให้กับสินค้าอยู่ตลอดเวลา เพื่อเป็นการสอดรับกับความต้องการของตลาด ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญสำหรับการนำเสนอของธุรกิจค้าปลีกอยู่แล้ว”นายฟิลิปป์กล่าว
นายฟิลิปป์กล่าวต่อว่า สินค้าเฮาส์แบรนด์ในขณะนี้ยังจะต้องใช้กลยุทธ์ทางด้านราคาเป็นหลักเพื่อให้สามารถจำหน่ายสินค้าได้ เนื่องจากผู้บริโภคทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคนี้ยังคงยึดติดอยู่กับแบรนด์เป็นหลัก ดังนั้นการสร้างแบรนด์ดิ้งให้สินค้านั้น ต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานประมาณ 10 ปีขึ้นไป ในขณะที่เมื่อเทียบกับทางยุโรป ผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่ยึดติดกับแบรนด์มากเท่าใดนัก
ขณะเดียวกัน บริษัทฯได้เตรียมพัฒนาและปรับปรุงคาร์ฟูร์ให้ดีและบริการลูกค้าได้ดีที่สุด ซึ่งจะทดลองในสาขาเก่าก่อนเพื่อเป็นการศึกษาหาข้อมูลและเพิ่มงบประมาณการทำตลาดมากขึ้น
ปัจจุบันสินค้าเฮาส์แบรนด์ของคาร์ฟูร์มีหลายแบรนด์ทั้ง คาร์ฟูร์ นัมเบอร์วัน หรือ เฟิร์สท์ไพร้ซ เป็นต้น แต่ละแบรนด์ก็จะมีราคารวมทั้งประเภทสินค้าที่แตกต่างกันไป โดยราคาเฮาส์แบรนด์ของคาร์ฟูร์โดยเฉลี่ยแล้ว เมื่อเทียบกับสินค้าแบรนด์พรีเมี่ยมอื่นๆจะมีราคาที่ถูกกว่าประมาณ 5-10% ส่วนแบรนด์ นัมเบอร์ วัน จะเป็นแบรนด์ที่มีราคาถูกมากเมื่อเทียบกับสินค้าประเภทเดียวกัน
ขณะเดียวกันนอกจากแผนการนำเข้าเฮาส์แบรนด์ระดับพรีเมี่ยมเพิ่มขึ้นแล้ว บริษัทฯได้เตรียมปรับและเปลี่ยนรูปแบบการส่งออกผลไม้จากไทยไปต่างประเทศด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อเป็นการทดแทนและเสริมรายได้อีกทางให้กับบริษัทฯ โดยที่ผ่านมามูลค่าของการส่งออกสินค้าจากปี 2543-2549 มีอยู่ 3,700 ล้านบาท
ส่วนแผนการขยายสาขาใหม่นั้น ในปี 2550 คาดว่าจะเปิดสาขาใหม่อีก 2 แห่ง คือที่ชลบุรีเป็นสาขาที่ 25ประมาณกลางปี และที่ถนนพระรามสอง เป็นสาขาที่ 26 ประมาณปลายปีนี้ และในปี 2551 มีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 4-5 สาขา ใช้งบลงทุนเปิดสาขาเฉลี่ย 500 ล้านบาท ซึ่งคาร์ฟูร์ยังไม่มีนโยบายเปิดรูปแบบค้าปลีกใหม่ๆในไทย
นายฟิลิปป์ โบรยานิโก กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นคาร์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจ คาร์ฟูร์ไฮเปอร์มาร์เกต เปิดเผยถึงการทำตลาดในส่วนของสินค้าเฮาส์แบรนด์ในปีนี้ว่า ในปี 2550 นี้บริษัทฯมีแผนที่จะขยายตลาดและไลน์สินค้าในส่วนของสินค้าเฮาส์แบรนด์ให้มากขึ้น โดยสินค้าจะเป็นการนำเข้ามาจากต่างประเทศในโซนเอเชีย อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี เป็นต้น เน้นไปที่สินค้าเฮาส์แบรนด์ระดับพรีเมี่ยมมากเป็นพิเศษ
ทั้งนี้สินค้าที่จะนำเข้ามาทำตลาดนั้นก็จะเป็นทั้งอุปโภคและบริโภค โดยคาดหมายว่าปริมาณที่นำเข้าในปีนี้จะเพิ่มสูงขึ้นอีกประมาณ 10% เมื่อเทียบกับปริมาณการนำเข้าสินค้าเฮาส์แบรนด์จากปีที่ผ่านมา ปัจจุบันสินค้าเฮาส์แบรนด์ทั้งหมดของคาร์ฟูร์ที่จำหน่ายในขณะนี้มีประมาณ 2,300 รายการ
“นโยบายการดำเนินธุรกิจของคาร์ฟูร์ยังคงยึดถือในเรื่องของการให้บริการที่ดีรวดเร็ว และขายสินค้าที่มีคุณภาพ คำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลักอยู่แล้ว ซึ่งในส่วนของสินค้าเฮาส์แบรนด์นี้ก็มีการพัฒนาคุณภาพไม่แพ้สินค้าแบรนด์เนมทั่วไป เราต้องเพิ่มความหลากหลายให้กับสินค้าอยู่ตลอดเวลา เพื่อเป็นการสอดรับกับความต้องการของตลาด ซึ่งถือว่าเป็นส่วนสำคัญสำหรับการนำเสนอของธุรกิจค้าปลีกอยู่แล้ว”นายฟิลิปป์กล่าว
นายฟิลิปป์กล่าวต่อว่า สินค้าเฮาส์แบรนด์ในขณะนี้ยังจะต้องใช้กลยุทธ์ทางด้านราคาเป็นหลักเพื่อให้สามารถจำหน่ายสินค้าได้ เนื่องจากผู้บริโภคทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาคนี้ยังคงยึดติดอยู่กับแบรนด์เป็นหลัก ดังนั้นการสร้างแบรนด์ดิ้งให้สินค้านั้น ต้องใช้ระยะเวลาที่ยาวนานประมาณ 10 ปีขึ้นไป ในขณะที่เมื่อเทียบกับทางยุโรป ผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่ยึดติดกับแบรนด์มากเท่าใดนัก
ขณะเดียวกัน บริษัทฯได้เตรียมพัฒนาและปรับปรุงคาร์ฟูร์ให้ดีและบริการลูกค้าได้ดีที่สุด ซึ่งจะทดลองในสาขาเก่าก่อนเพื่อเป็นการศึกษาหาข้อมูลและเพิ่มงบประมาณการทำตลาดมากขึ้น
ปัจจุบันสินค้าเฮาส์แบรนด์ของคาร์ฟูร์มีหลายแบรนด์ทั้ง คาร์ฟูร์ นัมเบอร์วัน หรือ เฟิร์สท์ไพร้ซ เป็นต้น แต่ละแบรนด์ก็จะมีราคารวมทั้งประเภทสินค้าที่แตกต่างกันไป โดยราคาเฮาส์แบรนด์ของคาร์ฟูร์โดยเฉลี่ยแล้ว เมื่อเทียบกับสินค้าแบรนด์พรีเมี่ยมอื่นๆจะมีราคาที่ถูกกว่าประมาณ 5-10% ส่วนแบรนด์ นัมเบอร์ วัน จะเป็นแบรนด์ที่มีราคาถูกมากเมื่อเทียบกับสินค้าประเภทเดียวกัน
ขณะเดียวกันนอกจากแผนการนำเข้าเฮาส์แบรนด์ระดับพรีเมี่ยมเพิ่มขึ้นแล้ว บริษัทฯได้เตรียมปรับและเปลี่ยนรูปแบบการส่งออกผลไม้จากไทยไปต่างประเทศด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อเป็นการทดแทนและเสริมรายได้อีกทางให้กับบริษัทฯ โดยที่ผ่านมามูลค่าของการส่งออกสินค้าจากปี 2543-2549 มีอยู่ 3,700 ล้านบาท
ส่วนแผนการขยายสาขาใหม่นั้น ในปี 2550 คาดว่าจะเปิดสาขาใหม่อีก 2 แห่ง คือที่ชลบุรีเป็นสาขาที่ 25ประมาณกลางปี และที่ถนนพระรามสอง เป็นสาขาที่ 26 ประมาณปลายปีนี้ และในปี 2551 มีแผนจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 4-5 สาขา ใช้งบลงทุนเปิดสาขาเฉลี่ย 500 ล้านบาท ซึ่งคาร์ฟูร์ยังไม่มีนโยบายเปิดรูปแบบค้าปลีกใหม่ๆในไทย