กระทรวงพลังงาน สรุปความคิดเห็นจากประชาชนเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงาน เผย ส่วนใหญ่เป็นห่วงเรื่องแปรรูป เตรียมปรับปรุงร่างกฎหมายให้ชัดเจนเพื่อลดความกังวลดังกล่าว พร้อมรับข้อเสนอเอ็นจีโอเตรียมเปลี่ยนชื่อร่างกฎหมายใหม่เป็น ร่าง พ.ร.บ.กำกับกิจการพลังงาน
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กล่าวว่า หลังจากที่เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติประกอบกิจการพลังงานแล้ว ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการมีร่างกฎหมายฉบับนี้ เพื่อนำมาใช้กำกับดูแลกิจการไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีการแยกการกำกับดูแลออกจากด้านนโยบาย และมีเป้าหมายดูแลผู้บริโภคเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลขององค์กรนอกภาครัฐ (เอ็นจีโอ) และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่เกรงว่า ร่างกฎหมายนี้จะนำไปสู่การแปรรูป กฟผ.ซึ่งนับว่าเป็นการเข้าใจผิด เพราะกฎหมายเป็นการกำกับดูแลกิจการให้ดีขึ้น เป็นไปอย่างโปร่งใส และรัฐบาลชุดนี้ได้ประกาศนโยบายแล้วว่าไม่มีการแปรรูปแน่นอน ดังนั้น เพื่อลดข้อกังวลดังกล่าว ทางอนุกรรมการปรับปรุงร่างกฎหมายฉบับนี้จะมีการหารือกัน โดยจะนำข้อกังวลทุกเรื่อง รวมทั้งเรื่องการแปรรูปไปสรุป ซึ่งอาจจะเป็นได้ว่าอาจจะมีการเพิ่มเติมข้อความเพื่อตัดความกังวลดังกล่าว
“การจะแปรรูป กฟผ.หรือไม่นั้น ไม่เกี่ยวกับร่างกฎหมายใหม่ เพราะการแปรรูปเป็นเรื่องนโยบายของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ยืนยันชัดไม่แปรรูปแน่นอน แต่รัฐบาลชุดใหม่ในอนาคตจะแปรรูปหรือไม่ ทาง สนพ.ไม่สามารถระบุได้” นายวีระพล กล่าว
นอกจากนี้ อนุกรรมการฯ อาจจะทบทวนชื่อของร่าง พ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงาน โดยอาจจะเปลี่ยนชื่อเป็นร่าง พ.ร.บ.กำกับกิจการพลังงาน ตามที่สหพันธ์องค์กรผู้บริโภคเสนอ รวมทั้งปรับสัดส่วนกรรมการสรรหาคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานให้มาจากภาคประชาชนให้เพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ เพราะเห็นว่ากฎหมายดังกล่าวจะไม่ได้เน้นเรื่องการประกอบกิจการ แต่เป็นการกำกับดูแลเป็นหลัก ดังนั้น การเปลี่ยนชื่อกฎหมายจึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมกว่า โดยอนุกรรมการฯ จะประชุมในเร็วๆ นี้ และเสนอต่อ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พิจารณา โดยคาดจะสามารถเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายในเดือนมีนาคมนี้
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กล่าวว่า หลังจากที่เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติประกอบกิจการพลังงานแล้ว ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการมีร่างกฎหมายฉบับนี้ เพื่อนำมาใช้กำกับดูแลกิจการไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งมีการแยกการกำกับดูแลออกจากด้านนโยบาย และมีเป้าหมายดูแลผู้บริโภคเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อกังวลขององค์กรนอกภาครัฐ (เอ็นจีโอ) และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่เกรงว่า ร่างกฎหมายนี้จะนำไปสู่การแปรรูป กฟผ.ซึ่งนับว่าเป็นการเข้าใจผิด เพราะกฎหมายเป็นการกำกับดูแลกิจการให้ดีขึ้น เป็นไปอย่างโปร่งใส และรัฐบาลชุดนี้ได้ประกาศนโยบายแล้วว่าไม่มีการแปรรูปแน่นอน ดังนั้น เพื่อลดข้อกังวลดังกล่าว ทางอนุกรรมการปรับปรุงร่างกฎหมายฉบับนี้จะมีการหารือกัน โดยจะนำข้อกังวลทุกเรื่อง รวมทั้งเรื่องการแปรรูปไปสรุป ซึ่งอาจจะเป็นได้ว่าอาจจะมีการเพิ่มเติมข้อความเพื่อตัดความกังวลดังกล่าว
“การจะแปรรูป กฟผ.หรือไม่นั้น ไม่เกี่ยวกับร่างกฎหมายใหม่ เพราะการแปรรูปเป็นเรื่องนโยบายของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ยืนยันชัดไม่แปรรูปแน่นอน แต่รัฐบาลชุดใหม่ในอนาคตจะแปรรูปหรือไม่ ทาง สนพ.ไม่สามารถระบุได้” นายวีระพล กล่าว
นอกจากนี้ อนุกรรมการฯ อาจจะทบทวนชื่อของร่าง พ.ร.บ.ประกอบกิจการพลังงาน โดยอาจจะเปลี่ยนชื่อเป็นร่าง พ.ร.บ.กำกับกิจการพลังงาน ตามที่สหพันธ์องค์กรผู้บริโภคเสนอ รวมทั้งปรับสัดส่วนกรรมการสรรหาคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานให้มาจากภาคประชาชนให้เพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ เพราะเห็นว่ากฎหมายดังกล่าวจะไม่ได้เน้นเรื่องการประกอบกิจการ แต่เป็นการกำกับดูแลเป็นหลัก ดังนั้น การเปลี่ยนชื่อกฎหมายจึงเป็นเรื่องที่เหมาะสมกว่า โดยอนุกรรมการฯ จะประชุมในเร็วๆ นี้ และเสนอต่อ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พิจารณา โดยคาดจะสามารถเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายในเดือนมีนาคมนี้