“แบล็คแคนยอน” ชี้ปีหมูภาพรวมธุรกิจกาแฟถึงจุดอิ่มตัวโตอย่างเก่งแค่ 5 % โทษการความวุ่นวายการเมือง บวกเหตุระเบิดทำยอดสุวรรณภูมิหล่นวูบหายไปกว่า 10% ไม่สนยันแผนขยายสาขายังรุกต่อแม้เศรษฐกิจเงียบ เตรียม 60 ล้านบาทขยายต่อทั้งแบล็คแคนยอนและคาฟเฟนีโร ส่งยอดโตได้ 12%
นายประวิทย์ จิตนราพงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แบล็คแคนยอน (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจร้านกาแฟในประเทศขณะนี้ถึงจุดวิกฤต การขยายตัวรวมถึงการเปิดร้านใหม่มีจำนวนลดน้อยลงเป็นอย่างมาก กลุ่มนักลงทุนที่เปิดร้านบางแห่งต้องยุบตัวลงไปเป็นอย่างมาก เนื่องจากธุรกิจโดยรวมของประเทศ อีกทั้งความวุ่นวายจากเหตุการณ์ระเบิด ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นปี รวมถึงค่าเงินบาท ราคาน้ำมันที่ยังแพง ทำให้กลุ่มลูกค้าต้องมีการระมัดระวังการใช้จ่าย โดยคาดว่าธุรกิจโดยรวมปีนี้น่าจะมีการเติบโตได้แค่เพียง 5% เท่านั้น จากเดิมที่เคยโตอยู่ 15-20%
“จากเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นใน 2 อาทิตย์แรกของต้นเดือนมกราคม บริษัทฯยอมรับว่ายอดลูกค้าในพื้นที่ขายในสุวรรณภูมิจากพื้นที่ขาย 3 แห่ง หายไปกว่า 10% ซึ่งส่งผลกระทบต่อบริษัทฯอยู่บ้าง”
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจภาพรวมจะมีการเติบโตที่ลดลง แต่บริษัทฯจะยังคงเดินหน้าขยายสาขาอยู่ เป้าหมายในการขยายจะขยายควบคู่กันระหว่างแบล็คแคนยอนและ “คาฟเฟนีโร” (Caffe Nero) ทั้งสองแบรนด์พร้อมกันโดยเป้าหมายจะขยายแบล็คแคนยอน 10 แห่ง เป็นอย่างต่ำ เบื้องต้นบริษัทฯเตรียมขยายเข้าพื้นที่ในท่าอากาศยานดอนเมืองอีก 3 จุด ทั้งนี้ยังต้องรอพื้นที่ในการประมูลข้อตกลงของบริษัท ท่าอากาศยานไทยก่อน
ด้าน คาฟเฟนีโร จะขยายอีก 2 แห่ง ล่าสุดบริษัทฯเตรียมเปิดในช่วงไตรมาส 3 นี้อีก 1 แห่ง ซึ่งถ้าแผนเป็นไปตามเป้าจะทำให้คาฟเฟนีโรมีสาขาทั้งหมด 7 แห่งในปีนี้
ทั้งนี้บริษัทฯจะขยายร้านคาฟเฟนีโรเข้าสู่โครงการคอมมิวตี้มอลล์ ของสยามฟิวเจอร์ พร้อมศูนย์การค้าในชุมชน ผสมผสานในรูปแบบของทำเลในแถบของบ้านจัดสรรให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการเข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ภายใต้งบประมาณลงทุนรวมกว่า 60 ล้านบาท
ปัจจุบันสาขาของแบล็คแคนยอนมีทั้งหมด 160 แห่ง และจากแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 10 แห่ง จะทำให้สิ้นปี บริษัทฯมีสาขาในรูปแบบแบล็คแคนยอน 170 แห่ง และ “คาฟเฟนีโร” อีก 7 แห่ง
ส่วนความคืบหน้าแผนขยายสาขาต่างประเทศ บริษัทฯได้เตรียมขยายพื้นที่ของแบล็คแคนยอนในรูปแบบของแฟรนไชส์ในแถบพื้นที่ประเทศอินเดีย ที่เมืองมุมไบ อีก 1 แห่ง ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาและการศึกษาพื้นที่อยู่ สาเหตุที่เลือกขยายที่เมืองมุมไบ เนื่องจากศักยภาพในการเติบโตบวกกำลังซื้อของกลุ่มคนในประเทศนั้นมีอยู่มากและโครงการที่จะผุดขึ้นในเมืองนี้อีกกว่า 10 แห่ง ภายในระยะเวลาอีก 2-3 ปีซึ่งจุดนี้บริษัทฯมองว่าจะเป็นการสร้างดีมานด์ได้อย่างดี
นายประวิทย์ กล่าวต่อว่า สำหรับผลประกอบการในปีนี้จากการขยายสาขา รวมกับการปรับตัวให้สอดรับกับเศรษฐกิจ คาดว่าบริษัทจะสามารถเติบโตได้ 12% โตจากปีที่ผ่านมาในปี 2549 ที่สามารถทำยอดขายได้ 600 ล้านบาท