xs
xsm
sm
md
lg

พาณิชย์เดินหน้าต้าน “ญี่ปุ่น-จีน” ละเมิดเครื่องหมายการค้าไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กรมทรัพย์สินทางปัญญาเดินหน้าต่อต้านชาวญี่ปุ่นที่จะนำฤๅษีดัดตนไปจดสิทธิบัตรในญี่ปุ่น พร้อมเดินหน้าร้องให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาของจีน เร่งกวดจับช่วยเหลือผู้ส่งออกสินค้าไทยถูกละเมิดเงาะกระป๋อง และเดินเครื่องส่งทีมออกตรวจสอบโรงงานผลิตซีดี หวังลดปัญหาการละเมิดเทปผีซีดีเถื่อนให้น้อยลง

นางพวงรัตน์ อัศวพิศิษฐ์ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีที่มีชาวญี่ปุ่นยื่นจดสิทธิบัตรเครื่องหมายการค้าฤๅษีดัดตน หลังจากเข้ามาร่ำเรียนที่วัดโพธิ์ ในประเทศไทย และได้ทำการยื่นจดสิทธิบัตรเครื่องหมายการค้า พร้อมทั้งจะทำการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์และนิตยสาร โดยจะควบคู่ไปกับการสอนโยคะ โดยระบุว่า ก่อนหน้านี้ประเทศไทยได้มีการคัดค้านไปยังกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่ญี่ปุ่นแล้ว และได้มีการระงับการจดสิทธิบัตรตามคำคัดค้านของประเทศไทย แต่ทางผู้ยื่นจดมีการร้องว่าสามารถที่จะขอใช้ชื่อ เพื่อจะประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสิ่งพิมพ์ นิตยสาร และการสอนโยคะได้ โดยให้เหตุผลว่า ทำให้ชื่อฤๅษีดัดตนเป็นที่รู้จักในญี่ปุ่น ซึ่งเรื่องดังกล่าว ผู้ยื่นจดได้ให้ข้อมูลเป็นภาษาญี่ปุ่น และจากการที่ไทยได้ว่าจ้างทนายความชาวญี่ปุ่นกำลังศึกษารายละเอียดคำคัดค้านดังกล่าว แต่ยืนยันว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญาไม่ได้นิ่งนอนใจ จะหารือกับกรมทรัพย์สินทางปัญญาของญี่ปุ่นและวัดโพธิ์ เพื่อหาทางป้องกันการละเมิดดังกล่าวต่อไป

นอกจากนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญายังได้รับการร้องเรียนจากทางบริษัท เอราวัณฟู้ด จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ผลิตเงาะกระป๋อง โดยได้มีการยื่นจดสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าในประเทศจีนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ปรากฏว่าช่วงที่ผ่านมา มีบริษัทจีนได้ทำการผลิตเงาะกระป๋อง โดยลอกเลียนแบบฉลากคล้ายกับของไทยมาก พร้อมกับมีการระบุว่าเป็นผลิตภัณฑ์ของไทย ซึ่งเห็นว่าเป็นการละเมิดเครื่องหมายการค้า ทำให้สินค้าของบริษัท เอราวัณฟู้ด ได้รับความเสียหายทางธุรกิจ ในปี 2547 และ ปี 2548 ไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น กรมทรัพย์สินทางปัญญาของไทยได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังกรมทรัพย์สินทางปัญญาของจีน เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะถือว่าเป็นการละเมิดเครื่องหมายทางการค้า ขณะเดียวกันทางกรมทรัพย์สินทางปัญญาจะประสานไปยังสำนักงานผู้แทนการค้าในต่างประเทศของไทยในจีน ให้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และประสานกรมส่งเสริมการส่งออกให้ดูแลเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม กรมทรัพย์สินทางปัญญาขอเตือนผู้ส่งออกไทย ควรตระหนักเมื่อจะส่งออกสินค้าไปจำหน่ายในประเทศใด ควรยื่นจดสิทธิบัตรในประเทศนั้น ๆ ทันที โดยไม่ต้องรอให้สินค้าติดตลาดก่อน ถือว่าเป็นการป้องกันตั้งแต่ต้นทาง เพื่อลดปัญหาการละเมิดเครื่องหมายการค้า เพื่อเป็นการเฝ้าระวังอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง

นางพวงรัตน์ กล่าวอีกว่า กรมฯ ได้กำหนดแผนความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และภาคเอกชน เจ้าของลิขสิทธิ์ทั้งไทยและต่างประเทศ ในการออกตรวจโรงงานผลิตซีดี โดยกำหนดวันดีเดย์ ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2550 เพื่อให้โรงงานผลิตซีดีที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้วในประเทศ จำนวน 38 แห่ง ได้มีการปฏิบัติตาม พ.ร.บ. การผลิตผลิตภัณฑ์ซีดี พ.ศ. 2548 อย่างเคร่งครัด เนื่องจากปัญหาการผลิตซีดีละเมิดลิขสิทธิ์ยังคงมีอยู่ ถึงแม้จะลดจำนวนลงมากก็ตาม แต่กรมฯ ยังตระหนักถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้กำหนดมาตรการต่าง ๆ ในการดำเนินการป้องปราม

“สำหรับซีดีละเมิดลิขสิทธิ์ จะมีแหล่งที่มา 2 ทาง คือ จากโรงงานนอกประเทศ และมีการลักลอบผ่านตามแนวตะเข็บชายแดน ส่วนอีกทางมาจากโรงงานภายในประเทศ ซึ่งเป็นไปได้ว่า อาจมาจากโรงงานผลิตซีดีที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้ว หรือโรงงานเถื่อนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน และอาจเกิดจากการไรต์แผ่นซีดี ซึ่งก่อนหน้านี้ ประเทศไทยเคยถูกกล่าวหาว่ามีโรงงานผลิตซีดีมากกว่า 100 แห่ง ทางกรมฯ จึงได้ร่วมกับทางตำรวจกรมสอบสวนคดีพิเศษ ภาคเอกชนเจ้าของลิขสิทธิ์ทั้งไทยและต่างประเทศ ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง ปรากฏว่าไม่ได้มีโรงงานผลิตซีดีจำนวนมากตามที่ถูกกล่าวอ้าง” อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าว

ขณะนี้ กรมทรัพย์สินทางปัญญา มีกฎหมายควบคุมการผลิตซีดีโดยตรง คือ พ.ร.บ. การผลิตผลิตภัณฑ์ซีดี พ.ศ. 2548 ถือเป็นกฎหมายที่ได้มีการกำหนดมาตรการกำกับดูแลไว้อย่างครบวงจร คือ นอกจากโรงงานผลิตซีดีจะต้องขออนุญาตนำเข้าโดยผ่านพิธีการทางศุลกากรแล้ว ตามกฎหมายซีดี เครื่องจักรทุกเครื่องจะต้องแจ้งการครอบครองด้วย และเมื่อจะทำการผลิต โรงงานต้องแจ้งต่อกรมทรัพย์สินทางปัญญาก่อนเริ่มทำการผลิต และต้องใช้เครื่องหมายรับรองการผลิตที่กรมฯ ออกให้ เพื่อแสดงให้ทราบถึงแหล่งการผลิต รวมทั้งต้องแจ้งการครอบครองเม็ดพลาสติกซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตด้วย

สำหรับแผ่นซีดีละเมิดลิขสิทธิ์ที่วางขายในท้องตลาด หากเจ้าหน้าที่จับกุมและยึดมาได้ จะมีการสอบสวนขยายผลเพื่อจับกุมแหล่งผลิตต่อไป โดยจะส่งแผ่นซีดีปลอมนั้นไปให้กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อตรวจพิสูจน์ทางวิธีการนิติวิทยาศาสตร์ (Forensic test) เพื่อให้ทราบว่าผลิตมาจากโรงงานใด และจะดำเนินการกับโรงงานนั้น โดยลงโทษอย่างเด็ดขาด ทั้งตามกฎหมายซีดี กฎหมายลิขสิทธิ์ และยึดเครื่องจักรตามกฎหมายอาญาด้วย ขณะนี้กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ขอความร่วมมือไปยังกรมศุลกากร เพื่อขอให้ตรวจสอบการนำเข้าสินค้าอย่างเข้มงวด ขณะเดียวกัน กรณีการไรต์แผ่นซีดี กรมฯ ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและภาคเอกชนเจ้าของลิขสิทธิ์ สืบหาผู้กระทำผิดและดำเนินคดีโดยเด็ดขาด

อย่างไรก็ตาม กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้หารือกับ นางปริศนา พงษ์ทัดศิริกุล เลขาธิการคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการกำกับดูแลเทปและวัสดุโทรทัศน์ โดยทำหน้าที่ตรวจพิจารณา และออกใบอนุญาตค้าเทปและวัสดุโทรทัศน์ เพื่อขอความร่วมมือในการเข้าร่วมเป็นหนึ่งในชุดจรยุทธ์ เพื่อออกตรวจสอบและจับกุมผู้กระทำละเมิด ซึ่งได้รับการตอบรับในความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งความร่วมมือดังกล่าว จะทำให้การตรวจสอบและการดำเนินการป้องปรามผู้กระทำละเมิด มีลักษณะเป็นการบูรณาการและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งจะหารือกับอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อจะได้หาแนวทางแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับละเมิดลิขสิทธิ์ผ่านช่องทางเคเบิลทีวีในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งในช่วงวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ ทางกรมประชาสัมพันธ์จะมีการประชุมในเรื่องดังกล่าว เพื่อหาทางแก้ไขอย่างจริงจัง
กำลังโหลดความคิดเห็น