ตลาดลูกอมเจอศึกหนัก เหตุขนมเคี้ยวหนึบซุ่มเงียบเข้าตีตลาดแย่งฐานผู้บริโภค “ฮาร์ทบีท”ฉีกแนวทำตลาด อัดทุนเพิ่ม 10% ปรับแพกเกจจิ้งใหม่ให้เขียนข้อความได้ด้วยตนเอง เสริมทัพงบตลาดอีก 60 ล้านบาท หวังขยายกลุ่มลูกค้า พร้อมกระทุ้งรายได้เติบโตขึ้น 10% ในปีนี้ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,100 ล้านบาท
นางสาวจิตราภา อังคเศกวิไล ผู้ช่วยรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เยเนอรัลแคนดี้ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายลูกอมตรา ฮาร์ทบีท, ฮาร์ทแอนด์ครีม และอินซ่า เปิดเผยว่า สภาพตลาดลูกอมมูลค่ากว่า 4,400 ล้านบาทในปีที่ผ่านมานั้น ถือได้ว่าค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากเจอปัญหาต้นทุนขึ้นราคา โดยเฉพาะน้ำตาลซึ่งเป็นวัตถุดิบที่สำคัญ นอกจากนี้ยังรวมไปถึงปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ตลาดเริ่มอยู่ตัว
ขณะที่ปัจจัยลบที่กำลังจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญในอนาคตที่จะทำให้ตลาดลูกอมนิ่งมากที่สุด คือ การที่มีขนมประเภทอื่นที่มีส่วนผสมของน้ำตาลเช่นเดียวกัน เข้ามาในตลาดมากขึ้น อาทิ กลุ่มขนมเคี้ยวหนึบ ขณะที่สภาพการแข่งขันของตลาดเองไม่หวือหวามากนัก โดยผู้นำในตลาดยังคงเป็น ฮอลล์ มีส่วนแบ่งทางการตลาดกว่า 25% รองลงมาคือ ฮาร์ทบีท 12%
ดังนั้นในปีนี้ทางบริษัทฯจึงได้เตรียมงบประมาณกว่า 60 ล้านบาท แบ่งเป็นบิโลว์ เดอะ ไลน์ 50% และ อะโบพ เดอะ ไลน์ 50% สำหรับการทำตลาดตลอดทั้งปีให้กับผลิตภัณฑ์ลูกอมฮาร์ทบีท จากงบโดยรวมกว่า 100 ล้านบาทในปีนี้ โดยเบื้องต้นของการทำตลาดในปีนี้นั้นทางบริษัทฯได้มีการเปลี่ยนแพกเกจจิ้งจากเดิมที่เคยใช้มากว่า 3 ปี สู่ แพกเกจจิ้งที่ผู้บริโภคสามารถเขียนข้อความลงบนแพกเกจจิ้งเองได้ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มวัยทำงานได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดอีกทางหนึ่งด้วย
“แพกเกจจิ้งใหม่นี้ ถือเป็นการเพิ่มต้นทุนทางด้านแพกเก็จจิ้งอีก 10% ของราคาต้นทุนแพกเกจจิ้งเดิม แต่เชื่อว่าคุ้มกับการเพิ่มฐานลูกค้าในกลุ่มใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใหญ่ วัยทำงาน คาดว่าจะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าในวัยทำงานได้เป็นอย่างดี จากการที่สามารถเขียนข้อความลงบนแพกเกจจิ้งได้ด้วยตนเอง จากเดิมที่ฮาร์ทบีทจะมีข้อความต่างๆที่อาจจะเหมาะกับกลุ่มวัยรุ่นมากกว่า ลูกอมฮาร์ทบีทในแพกเกจจิ้งใหม่นี้ ได้วางตลาดมาแล้วประมาณ 2-3 เดือน โดยลูกค้าให้การตอบรับเป็นที่น่าพอใจ”
นอกจากนี้ทางบริษัทฯยังมีแผนในการส่งออกมากอีกประมาณ 5 ประเทศ โดยเฉพาะประเทศในแถบอเมริกาเหนือ จากเดิมที่ส่งออกอยู่แล้วประมาณ 50 ประเทศ อาทิ เช่น ประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง สหรัฐอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย เอเชีย ขณะที่กำลังการผลิต ณ ปัจจุบัน อยู่ที่ 1 ล้านเม็ด ต่อวัน แบ่งเป็น ส่งออก 60% และจำหน่ายในประเทศ 40%
ขณะเดียวกันทางบริษัทฯยังมีแผนที่จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มเพื่อสุขภาพ แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะออกมาในรูปแบบลูกอม หรือแบบอื่นๆ เนื่องจากยังอยู่ในขั้นตอนการทำแผนธุรกิจอยู่
สำหรับรายได้ในปีนี้ ทางบริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 10% คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,100 ล้านบาท (รวมส่งออก) เช่นเดียวกับสภาพตลาดที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นประมาณ 10% เช่นเดียวกัน ขณะที่สัดส่วนรายได้กว่า 80% มาจากลูกอมฮาร์ทบีท คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท (รายได้ในประเทศ) ส่วนฮาร์ทแอนด์ครีม และอินซ่า รวมกันประมาณ 10%