พี.พี.ฟูดส์ บุกตลาด ปั้นแบรนด์ ฮันนี่ ควีน เต็มกำลังหวังเจาะลูกค้าระดับพรีเมี่ยมกระทุ้งยอดรายได้เพิ่ม เป้าแรก ขยายช่องทางขายเพิ่ม สยายปีกทำน้ำส้มบรรจุขวด ช่วยสร้างแบรนด์ ชี้ตรุษจีนชิมลางสนาม
นายเอกพงศ์ พลพิพัฒน์พงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.พี.ฟูดส์ ซัพพลาย จำกัด ผู้บริหารสวนส้มทรายทองเชียงใหม่ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯจะบุกทำตลาดในเชิงลึกมากขึ้น ภายหลังจากที่บริษัทฯไม่ได้ทำตลาดมานาน โดยจะมุ่งขยายช่องทางการจำหน่ายเพิ่มขึ้น อาทิ โมเดิร์นเทรด เช่น ท็อปส์ เดอะมอลล์ เอ็มโพเรี่ยม พารากอน หรือ ตามแหล่งศูนย์การค้าชั้นนำทั่วไป เพื่อให้เข้ากับกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ปัจจุบันฐานลูกค้าของ “ฮันนี่ ควีน” เป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงอยู่ในระดับ บีบวกขึ้นไป
นอกจากนี้ บริษัทฯได้ทำการผลิตน้ำส้มคั้น 100% ขนาด 250 มล. เพื่อช่วยในการส่งเสริมและการสร้างแบรนด์อะแวร์เนส ให้กับ "ฮันนี่ ควีน" ด้วย โดยบริษัทฯใช้งบลงทุนประมาณ 2 ล้านบาทเพื่อผลิตสินค้า โดยปัจจุบันน้ำสัมคั้นมีกำลังการผลิตประมาณ 3,000 ขวดต่อวัน และมีช่องทางจำหน่ายผ่านคีย์ออส ของฮันนี่ ควีน,ฟิตเนส, ห้างสรรพสินค้า เช่น สยามพารากอน, เอ็มโพเรียม, เซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์ เป็นต้น และมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 35 บาทต่อขวด
อย่างไรก็ตามบริษัทฯเตรียมจัดสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มลูกค้า โดยการพัฒนาในเรื่องของตัวโปรดักต์มากขึ้น โดยล่าสุดบริษัทฯ เปิดตัว ส้มห่อจากถุงกระดาษ ภายใต้แบรนด์ ฮันนี่ ควีน เพื่อเป็นการช่วยลดการใช้สารเคมีและแมลงที่จะเข้าไปทำลายผิวส้ม ให้ส้มมีความสวยงาม และมีคุณภาพปลอดสารพิษ ทั้งนี้บริษัทฯสามารถอัพเกรดส้มให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้นและสามารถจำหน่ายในราคาที่สูงขึ้นอีก 20-30% จากปัจจุบันส้ม ฮันนี่ ควีน ทำตลาดในระดับพรีเมี่ยม
สำหรับถุงกระดาษที่ห่อนั้นจะต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ช่วยลดต้นทุนในการใช้สารเคมีได้ประมาณ 20-30% ในขณะเดียวกันต้นทุนด้านแรงงานก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากต้องใช้แรงงานในการห่อผลส้ม ซึ่งต่อคนต่อวันสามารถห่อส้มได้กว่า 100 ผล
ปัจจุบัน สวนส้มทรายทองมีผลผลิตประมาณ 10,000 ตันต่อปี โดยแบ่งเป็นส้มห่อที่ออกสู่ตลาดประมาณ 10 ล้านผลหรือประมาณ 60% และมีสัดส่วนการจำหน่ายในประเทศประมาณ 90-95% และส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านในแถบเอเชีย เช่น จีน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย อีกประมาณ 5-10% ในขณะที่ประเทศไทยมีการส่งออกส้มอยู่ 4-5 บริษัท คิดเป็นปริมาณ 300-400 ตู้คอนเทนเนอร์หรือประมาณ 6,000-8,000 ตันต่อปี
สำหรับภาพรวมของตลาดส้ม ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ราคาปรับตัวลดลงเป็นอย่างมาก จากที่เคยจำหน่ายในราคา 50-60 บาทต่อกก. ปัจจุบัน เหลือเพียง 10-20 บาทต่อกก. เท่านั้น โดยส่วนตัวคาดว่าในช่วง 2-3 ปี ข้างหน้า หากสวนส้มมีการเน้นคุณภาพสินค้ามากขึ้น น่าจะช่วยทำให้ตลาดส้มกลับมามีราคาดีขึ้น แม้จะไม่สามารถปรับตัวกลับไปอยู่ในระดับราคาสูงสุดอย่างที่ผ่านมา
นางลพณา พลพิพัฒนพงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท พี.พี.ฟู้ดส์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯได้ใช้งบประมาณ 2 ล้านบาท เพื่อใช้ในการทำตลาดสำหรับส้มห่อ ฮันนี่ ควีน ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ทั้งในส่วนของการจัดรถคาราวานเพื่อแนะนำสินค้า และการส่งสินค้าถึงผู้บริโภคโดยตรง ผ่านคอลเซ็นเตอร์ เป็นต้น แม้ว่าการเปิดตัวส้มห่อ ฮันนี่ ควีน จะมีระยะเวลาค่อนข้างสั้น แต่บริษัทฯคาดว่าจะมียอดขายในช่วงนี้ประมาณ 20 ล้านบาท และบริษัทฯได้ใช้งบประมาณ 5 ล้านบาท เพื่อทำตลาดให้กับส้มห่อทั้งปี 2550 โดยงบดังกล่าวถือว่าใช้ลดลงจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากต้องการทำตลาดผ่านสื่อที่สร้างการรับรู้สินค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันส้มฮันนี่ ควีน ถือว่าเป็นผู้นำตลาดในแง่ของคูณภาพสินค้า ส่วนยอดขายส้มต่อปี สวนส้มทรายทองฯ มียอดขายโดยเฉลี่ยประมาณ 100-200 ล้านบาทต่อปี โดยยอดขยายดังกล่าวจะต้องขึ้นอยู่กับปริมาณผลผลิตส้มที่ออกสู่ตลาดทั้งหมด ในขณะที่ปริมาณผลผลิตส้มของทั้งบริษัทฯจะถือเป็นผู้ผลิต 1 ใน 5 ที่มีส้มมออกสู่ตลาดมากที่สุด สำหรับแผนงานในอนาคต บริษัทฯเตรียมที่จะปรับแพ็คเกจของส้มห่อ ให้มีความแตกต่างจากเดิม เพื่อให้สอดคล้องกับส้มห่อที่ปลอดสารพิษอย่างชัดเจน
นายเอกพงศ์ พลพิพัฒน์พงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี.พี.ฟูดส์ ซัพพลาย จำกัด ผู้บริหารสวนส้มทรายทองเชียงใหม่ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯจะบุกทำตลาดในเชิงลึกมากขึ้น ภายหลังจากที่บริษัทฯไม่ได้ทำตลาดมานาน โดยจะมุ่งขยายช่องทางการจำหน่ายเพิ่มขึ้น อาทิ โมเดิร์นเทรด เช่น ท็อปส์ เดอะมอลล์ เอ็มโพเรี่ยม พารากอน หรือ ตามแหล่งศูนย์การค้าชั้นนำทั่วไป เพื่อให้เข้ากับกลุ่มลูกค้ามากขึ้น ปัจจุบันฐานลูกค้าของ “ฮันนี่ ควีน” เป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงอยู่ในระดับ บีบวกขึ้นไป
นอกจากนี้ บริษัทฯได้ทำการผลิตน้ำส้มคั้น 100% ขนาด 250 มล. เพื่อช่วยในการส่งเสริมและการสร้างแบรนด์อะแวร์เนส ให้กับ "ฮันนี่ ควีน" ด้วย โดยบริษัทฯใช้งบลงทุนประมาณ 2 ล้านบาทเพื่อผลิตสินค้า โดยปัจจุบันน้ำสัมคั้นมีกำลังการผลิตประมาณ 3,000 ขวดต่อวัน และมีช่องทางจำหน่ายผ่านคีย์ออส ของฮันนี่ ควีน,ฟิตเนส, ห้างสรรพสินค้า เช่น สยามพารากอน, เอ็มโพเรียม, เซ็นทรัลฟู้ดฮอลล์ เป็นต้น และมีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 35 บาทต่อขวด
อย่างไรก็ตามบริษัทฯเตรียมจัดสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มลูกค้า โดยการพัฒนาในเรื่องของตัวโปรดักต์มากขึ้น โดยล่าสุดบริษัทฯ เปิดตัว ส้มห่อจากถุงกระดาษ ภายใต้แบรนด์ ฮันนี่ ควีน เพื่อเป็นการช่วยลดการใช้สารเคมีและแมลงที่จะเข้าไปทำลายผิวส้ม ให้ส้มมีความสวยงาม และมีคุณภาพปลอดสารพิษ ทั้งนี้บริษัทฯสามารถอัพเกรดส้มให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้นและสามารถจำหน่ายในราคาที่สูงขึ้นอีก 20-30% จากปัจจุบันส้ม ฮันนี่ ควีน ทำตลาดในระดับพรีเมี่ยม
สำหรับถุงกระดาษที่ห่อนั้นจะต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศ ช่วยลดต้นทุนในการใช้สารเคมีได้ประมาณ 20-30% ในขณะเดียวกันต้นทุนด้านแรงงานก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากต้องใช้แรงงานในการห่อผลส้ม ซึ่งต่อคนต่อวันสามารถห่อส้มได้กว่า 100 ผล
ปัจจุบัน สวนส้มทรายทองมีผลผลิตประมาณ 10,000 ตันต่อปี โดยแบ่งเป็นส้มห่อที่ออกสู่ตลาดประมาณ 10 ล้านผลหรือประมาณ 60% และมีสัดส่วนการจำหน่ายในประเทศประมาณ 90-95% และส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านในแถบเอเชีย เช่น จีน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย อีกประมาณ 5-10% ในขณะที่ประเทศไทยมีการส่งออกส้มอยู่ 4-5 บริษัท คิดเป็นปริมาณ 300-400 ตู้คอนเทนเนอร์หรือประมาณ 6,000-8,000 ตันต่อปี
สำหรับภาพรวมของตลาดส้ม ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ราคาปรับตัวลดลงเป็นอย่างมาก จากที่เคยจำหน่ายในราคา 50-60 บาทต่อกก. ปัจจุบัน เหลือเพียง 10-20 บาทต่อกก. เท่านั้น โดยส่วนตัวคาดว่าในช่วง 2-3 ปี ข้างหน้า หากสวนส้มมีการเน้นคุณภาพสินค้ามากขึ้น น่าจะช่วยทำให้ตลาดส้มกลับมามีราคาดีขึ้น แม้จะไม่สามารถปรับตัวกลับไปอยู่ในระดับราคาสูงสุดอย่างที่ผ่านมา
นางลพณา พลพิพัฒนพงศ์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท พี.พี.ฟู้ดส์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯได้ใช้งบประมาณ 2 ล้านบาท เพื่อใช้ในการทำตลาดสำหรับส้มห่อ ฮันนี่ ควีน ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ทั้งในส่วนของการจัดรถคาราวานเพื่อแนะนำสินค้า และการส่งสินค้าถึงผู้บริโภคโดยตรง ผ่านคอลเซ็นเตอร์ เป็นต้น แม้ว่าการเปิดตัวส้มห่อ ฮันนี่ ควีน จะมีระยะเวลาค่อนข้างสั้น แต่บริษัทฯคาดว่าจะมียอดขายในช่วงนี้ประมาณ 20 ล้านบาท และบริษัทฯได้ใช้งบประมาณ 5 ล้านบาท เพื่อทำตลาดให้กับส้มห่อทั้งปี 2550 โดยงบดังกล่าวถือว่าใช้ลดลงจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากต้องการทำตลาดผ่านสื่อที่สร้างการรับรู้สินค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันส้มฮันนี่ ควีน ถือว่าเป็นผู้นำตลาดในแง่ของคูณภาพสินค้า ส่วนยอดขายส้มต่อปี สวนส้มทรายทองฯ มียอดขายโดยเฉลี่ยประมาณ 100-200 ล้านบาทต่อปี โดยยอดขยายดังกล่าวจะต้องขึ้นอยู่กับปริมาณผลผลิตส้มที่ออกสู่ตลาดทั้งหมด ในขณะที่ปริมาณผลผลิตส้มของทั้งบริษัทฯจะถือเป็นผู้ผลิต 1 ใน 5 ที่มีส้มมออกสู่ตลาดมากที่สุด สำหรับแผนงานในอนาคต บริษัทฯเตรียมที่จะปรับแพ็คเกจของส้มห่อ ให้มีความแตกต่างจากเดิม เพื่อให้สอดคล้องกับส้มห่อที่ปลอดสารพิษอย่างชัดเจน