รมช.พาณิชย์คนใหม่ รับมอบงานจาก รมว.พาณิชย์ อย่างเป็นทางการ เตรียมปรับองค์การคลังสินค้า (อคส.) เพื่อล้างภาพลักษณ์ชื่อโบราณ และสามารถทำงานครอบคลุมมากยิ่งขึ้น พร้อมเร่งหาตลาดใหม่ควบคู่ดูแลสินค้าภาคการเกษตรให้มีเสถียรภาพ
นางอรนุช โอสถานนท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายงานและหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ จากนายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อย่างเป็นทางการ โดยจะดูแลกรมการประกันภัย กรมทรัพย์สินทางปัญญา อคส. สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ และโครงการยกระดับราคาสินค้า และผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวและมันสำปะหลัง ซึ่งขณะนี้ ยอมรับว่า จะต้องหาทางทำให้ราคาสินค้าภาคการเกษตร โดยเฉพาะข้าวและมันสำปะหลังมีราคาสูงขึ้น เพื่อเกษตรกรขายข้าวและมันสำปะหลังได้ราคาดี ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เน้นย้ำต้องการให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลสินค้าภาคการเกษตรสำคัญให้มีราคาดี ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพพืชผลทางการเกษตรของไทยไม่ให้ตกต่ำ เพื่อจะช่วยเหลือเกษตรกรระยะยาว
นางอรนุช กล่าวว่า สิ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นห่วงอีกประการ คือ อคส.โดยจะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้หน่วยงานดังกล่าวกระชับ ทั้งองค์กรและการทำงาน และเห็นว่าชื่อที่ใช้ว่า องค์การคลังสินค้าเป็นชื่อโบราณ ไม่เหมาะต่อการเปลี่ยนแปลงกับสถานการณ์ ดังนั้น ในฐานะที่จะเข้ามาดูแล และอยู่ในตำแหน่งประมาณ 1 ปี จะพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง อคส.ให้สามารถทำงานครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
โดยอันดับแรก จะต้องเร่งจัดหาคณะกรรมการ อคส.ชุดใหม่ รวมถึงผู้อำนวยการ อคส.คนใหม่ ซึ่งองค์กรนี้ ถือเป็นองค์กรที่ช่วยเหลือกระทรวงพาณิชย์ ในการยกระดับราคาสินค้าภาคการเกษตร จึงเป็นงานที่ท้าทาย ที่ต้องเร่งดำเนินงาน โดยในช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยวข้าวเปลือกนาปี ที่จะสิ้นสุดโครงการรับจำนำในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะเห็นได้ว่า ราคาข้าวเปลือกนาปีมีราคาสูงกว่าราคารับจำนำ แต่เป็นช่วงรอยต่อที่ข้าวเปลือกนาปรังจะมีการเก็บเกี่ยวในช่วงต้นเดือนมีนาคม ทำให้รัฐบาลต้องเร่งหาตลาดและสัญญาใหม่ๆ เพื่อให้การส่งออกข้าวไปตลาดต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับปีที่ผ่านมา การส่งออกข้าวมีถึง 7.4 ล้านตัน และคาดว่า ปี 2550 จากปริมาณผลผลิตข้าวที่มีมาก น่าจะทำให้การส่งออกข้าวไทยไปตลาดต่างประเทศปีนี้ อยู่ที่ 8.5 ล้านตัน ดังนั้น เป็นสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์จะต้องร่วมมือกับเอกชน ผลักดันการหาตลาดและสัญญาขายข้าวใหม่ๆ กับตลาดต่างประเทศ พร้อมเร่งผลักดันการส่งออกทุกๆ สินค้าของไทย ให้ได้สูงขึ้นต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
นางอรนุช กล่าวว่า ส่วนกรมการประกันภัยและกรมทรัพย์สินทางปัญญา โดยภาพรวมขณะนี้ไม่น่าห่วง ในส่วนของกรมการประกันภัย อยู่ระหว่างปรับตัวเป็นองค์กรอิสระ แต่หลังจากนี้ จะมีการสอบถามกับอธิบดีทั้ง 2 กรม เพื่อให้งานต่างๆ สามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยหลังจากถวายสัตย์ปฏิญาณแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ว่า จะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ และบอกกล่าวกับคนทางบ้านแล้วว่า จะใช้ระยะเวลาในช่วง 1 ปี รับใช้ประเทศชาติในทุกๆ เรื่อง ให้มีประสิทธิภาพ
นางอรนุช โอสถานนท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายงานและหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ จากนายเกริกไกร จีระแพทย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อย่างเป็นทางการ โดยจะดูแลกรมการประกันภัย กรมทรัพย์สินทางปัญญา อคส. สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ และโครงการยกระดับราคาสินค้า และผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวและมันสำปะหลัง ซึ่งขณะนี้ ยอมรับว่า จะต้องหาทางทำให้ราคาสินค้าภาคการเกษตร โดยเฉพาะข้าวและมันสำปะหลังมีราคาสูงขึ้น เพื่อเกษตรกรขายข้าวและมันสำปะหลังได้ราคาดี ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เน้นย้ำต้องการให้กระทรวงพาณิชย์ดูแลสินค้าภาคการเกษตรสำคัญให้มีราคาดี ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพพืชผลทางการเกษตรของไทยไม่ให้ตกต่ำ เพื่อจะช่วยเหลือเกษตรกรระยะยาว
นางอรนุช กล่าวว่า สิ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นห่วงอีกประการ คือ อคส.โดยจะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้หน่วยงานดังกล่าวกระชับ ทั้งองค์กรและการทำงาน และเห็นว่าชื่อที่ใช้ว่า องค์การคลังสินค้าเป็นชื่อโบราณ ไม่เหมาะต่อการเปลี่ยนแปลงกับสถานการณ์ ดังนั้น ในฐานะที่จะเข้ามาดูแล และอยู่ในตำแหน่งประมาณ 1 ปี จะพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลง อคส.ให้สามารถทำงานครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
โดยอันดับแรก จะต้องเร่งจัดหาคณะกรรมการ อคส.ชุดใหม่ รวมถึงผู้อำนวยการ อคส.คนใหม่ ซึ่งองค์กรนี้ ถือเป็นองค์กรที่ช่วยเหลือกระทรวงพาณิชย์ ในการยกระดับราคาสินค้าภาคการเกษตร จึงเป็นงานที่ท้าทาย ที่ต้องเร่งดำเนินงาน โดยในช่วงปลายฤดูเก็บเกี่ยวข้าวเปลือกนาปี ที่จะสิ้นสุดโครงการรับจำนำในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะเห็นได้ว่า ราคาข้าวเปลือกนาปีมีราคาสูงกว่าราคารับจำนำ แต่เป็นช่วงรอยต่อที่ข้าวเปลือกนาปรังจะมีการเก็บเกี่ยวในช่วงต้นเดือนมีนาคม ทำให้รัฐบาลต้องเร่งหาตลาดและสัญญาใหม่ๆ เพื่อให้การส่งออกข้าวไปตลาดต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับปีที่ผ่านมา การส่งออกข้าวมีถึง 7.4 ล้านตัน และคาดว่า ปี 2550 จากปริมาณผลผลิตข้าวที่มีมาก น่าจะทำให้การส่งออกข้าวไทยไปตลาดต่างประเทศปีนี้ อยู่ที่ 8.5 ล้านตัน ดังนั้น เป็นสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์จะต้องร่วมมือกับเอกชน ผลักดันการหาตลาดและสัญญาขายข้าวใหม่ๆ กับตลาดต่างประเทศ พร้อมเร่งผลักดันการส่งออกทุกๆ สินค้าของไทย ให้ได้สูงขึ้นต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
นางอรนุช กล่าวว่า ส่วนกรมการประกันภัยและกรมทรัพย์สินทางปัญญา โดยภาพรวมขณะนี้ไม่น่าห่วง ในส่วนของกรมการประกันภัย อยู่ระหว่างปรับตัวเป็นองค์กรอิสระ แต่หลังจากนี้ จะมีการสอบถามกับอธิบดีทั้ง 2 กรม เพื่อให้งานต่างๆ สามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยหลังจากถวายสัตย์ปฏิญาณแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ว่า จะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ และบอกกล่าวกับคนทางบ้านแล้วว่า จะใช้ระยะเวลาในช่วง 1 ปี รับใช้ประเทศชาติในทุกๆ เรื่อง ให้มีประสิทธิภาพ